
ชาร์จมือถือในรถ ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วจริงไหม?
ทำไมชาร์จมือถือในรถถึงเสี่ยงแบตเสื่อมไว?
ระบบไฟฟ้าในรถยนต์ไม่ได้จ่ายไฟอย่างสม่ำเสมอเหมือนกับปลั๊กไฟบ้าน แรงดันไฟฟ้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงตามรอบเครื่องยนต์และการทำงานของระบบไฟฟ้าอื่นๆ ในรถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์รุ่นเก่าที่ระบบจ่ายไฟอาจไม่เสถียรเท่ารถยนต์รุ่นใหม่ๆ ความผันผวนของแรงดันไฟฟ้าที่ไม่คงที่นี้เอง ที่อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อการชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์ได้
อะแดปเตอร์คุณภาพดีป้องกันแบตเสื่อมได้
หัวใจสำคัญของการชาร์จโทรศัพท์ในรถยนต์อย่างปลอดภัยคือ อะแดปเตอร์ชาร์จในรถ อะแดปเตอร์ที่ดีจะทำหน้าที่ควบคุมและแปลงแรงดันไฟฟ้าจากรถยนต์ให้คงที่และเหมาะสมกับโทรศัพท์มือถือ หากใช้อะแดปเตอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือราคาถูกที่ไม่มีระบบควบคุมแรงดันไฟฟ้าที่มีคุณภาพ อาจทำให้โทรศัพท์ได้รับกระแสไฟฟ้าที่ไม่สม่ำเสมอ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อแบตเตอรี่ในระยะยาว ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ร้อนเกินไป หรือแม้กระทั่งเกิดความเสียหายต่อตัวเครื่องได้
โทรศัพท์มือถือสมัยใหม่ส่วนใหญ่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ซึ่งมีความทนทานและมีระบบจัดการพลังงานที่ดีในตัว การชาร์จด้วยแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าที่ถูกต้องตามมาตรฐานที่โทรศัพท์รองรับนั้น ไม่ได้ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วจนผิดสังเกต อย่างไรก็ตาม การใช้อะแดปเตอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือการปล่อยให้แบตเตอรี่ร้อนจัดขณะชาร์จ (เช่น จอดรถตากแดดเป็นเวลานานขณะชาร์จ) อาจเป็นปัจจัยเร่งให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพได้
การชาร์จแบตโทรศัพท์ในรถยนต์ที่ถูกต้อง
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายๆ คนคงเห็นผลเสียของการชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือในรถยนต์กันบ้างแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีบางกรณีที่เราหลีกเลี่ยงการชาร์จแบตโทรศัพท์บนรถไม่ได้ อย่างเช่น ลืมชาร์จโทรศัพท์มือถือมาจากที่พัก หรือเพิ่งใช้งานโทรศัพท์มือถือเปิดแผนที่มาเป็นเวลานาน เป็นต้น ทั้งนี้เราก็มีวิธี ชาร์จแบตโทรศัพท์ที่ถูกต้อง เมื่อต้องชาร์จแบตในรถยนต์เพื่อช่วยทะนุถนอมอายุการใช้งานทั้งในส่วนของแบตเตอรี่รถยนต์และแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ ดังต่อไปนี้
1. ที่ชาร์จแบตมือถือในรถยนต์ต้องมีคุณภาพ
อุปกรณ์สำหรับชาร์จควรเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน เช่น ทำจากพลาสติกเกรด A ไม่มีรอยต่อ เป็นต้น
2. อย่าเสียบ USB Adapter คาไว้
ไม่ควรเสียบตัวพ่วง USB คาไว้ที่ช่องจุดบุหรี่ในรถ ควรถอดออกทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งานหรือมีการดับเครื่องยนต์
3. ไม่เปิดอุปกรณ์หลายอย่างพร้อมกัน
ไม่ควรเปิดอุปกรณ์ในรถพร้อมกันหลายอย่างขณะที่ชาร์จมือถือในรถเพราะจะทำให้เพิ่มโอกาสที่แรงดันในรถไม่สม่ำเสมอมีสูง อาจเกิดไฟกระชากได้
4. ไม่ชาร์จแบตขณะสตาร์ทรถ
ไม่ควรชาร์จขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ เพราะกระแสไฟฟ้าจะไหลเข้ามือถือมากเกินไป เกิดการกระชากไฟได้ ทางที่ดีควรสตาร์ทรถ เปิดแอร์ รอให้รถเคลื่อนตัวสักเล็กน้อย แน่ใจว่ากระแสไฟคงที่แล้วจึงค่อยเสียบสายชาร์จครับ
5. พก Power Bank แทนการชาร์จบนรถ
ถ้าสามารถทำได้ ให้พก Power Bank หรือแบตเตอรี่สำรองติดตัวไว้ แล้วชาร์จจากแบตเตอรี่สำรองแทนการชาร์จในรถโดยตรงครับ
การชาร์จแบตโทรศัพท์ที่ถูกต้อง
1. อย่าใช้แบตหมดจนเครื่องดับ
ถึงแม้ทุกวันนี้ มือถือจะมีระบบที่จะปิดตัวเองก่อนที่แบตเตอรี่จะหมด แต่การชาร์จไฟโทรศัพท์มือถือเมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อยก็จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้นได้ โดยยิ่งชาร์จตอนแบตเตอรี่เหลือน้อยเท่าไร อายุแบตเตอรี่ก็จะยิ่งสั้นขึ้นเท่านั้น ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือ ชาร์จโทรศัพท์มือถือตอนเหลือน้อยที่สุดที่ 40% – 50% หรือไม่ก็หมั่นชาร์จโทรศัพท์บ่อยๆ เพื่อลดปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมไปได้ในระดับหนึ่ง
2. อย่าปล่อยให้เครื่องร้อน
การใช้งานมือถือจนร้อน การทิ้งแบตเตอรี่ให้โดนความร้อน หรือทิ้งการมือถือเอาไว้กลางแดดจะส่งผลเสียต่อตัวมือถือและแบตเตอรี่เลยโดยตรง เพราะการที่แบตเตอรี่ต้องเจอความร้อนมากๆ จะทำให้ความจุแบตเตอรี่ลดลงเร็วขึ้น หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้งานโทรศัพท์มือถืออย่างหนักแล้วล่ะก็ หลังจากใช้งานหรือกระทำการใดๆ จนเครื่องร้อนก็ควรปล่อยให้เครื่องเย็นลงก่อนถึงค่อยเอาไปชาร์จแบตเตอรี่ต่อ
3. เลี่ยงการใช้งานระหว่างชาร์จแบต
การใช้งานมือถือไป ชาร์จไฟไป เป็นสิ่งที่หลายคนชอบทำ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่โทรศัพท์อายุสั้นลงกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้น ถ้าหากเป็นไปได้ระหว่างชาร์จโทรศัพท์ก็ควรวางเอาไว้เฉยๆ หรือทางที่ดีก็ควรปิดเครื่องไปเลย เพราะเวลาชาร์จไฟขณะเล่นไปด้วยนั้นจะทำให้มีการอัดไฟเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดความร้อนอย่างมาก ซึ่งทั้งกระแสไฟปริมาณมากและความร้อนที่เกิดขึ้นจะเป็นสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วได้ และอาจจะร้ายแรงถึงขั้นระเบิดเลยก็ได้ ดังนั้น หากเราไม่ใช้งานมือถือหรือปิดเครื่องไปเลย ก็จะช่วยให้กระแสไฟที่วิ่งเข้าไปในเครื่องระหว่างที่ชาร์จไม่สูงเกินไป ทำให้เกิดความร้อนน้อยมากๆ และช่วยให้มีความปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วย
4. ใช้ที่ ชาร์จแบต มือถือที่มีระบบตัดไฟอัตโนมัติ
ในปัจจุบันนี้ ที่ชาร์จแบตมือถือ หลายแบรนด์สามารถเสียบปลั๊กชาร์จไปเรื่อยๆ ได้แม้ไฟเต็มทั้งมือถือและที่ชาร์จจะมีระบบตัดไฟเมื่อชาร์จเต็มอยู่ ดังนั้น จึงไม่ต้องไปกลัวว่าถ้าเสียบชาร์จทิ้งไว้นานๆ แล้วแบตเตอรี่จะเสื่อม เว้นเสียแต่ว่า เจ้าของโทรศัพท์เลือกใช้แบตเตอรี่หรือที่ชาร์จที่ไม่ใช่ของแท้ หรือไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากของไม่แท้หรือไม่ได้มาตราฐานอาจจะไม่มีระบบตัดไฟติดมาด้วย ทำให้ไม่มีการตัดไฟอัตโนมัติก่อให้เกิดเหตุการณ์มือถือระเบิดใส่ระหว่างชาร์จ ดังที่เคยเห็นในข่าวต่างๆ นั่นเอง
5. อย่าอัดประจุเพิ่มด้วยที่ชาร์จไฟแรงๆ
หลายคนเชื่อว่า ในการชาร์จไฟ ถ้าเอาที่ชาร์จไฟกำลังสูงมาชาร์จมือถือจะช่วยให้การชาร์จเร็วขึ้นและใช้โทรศัพท์มือถือได้นานกว่าปกติ ซึ่งก็จริงที่การชาร์จไฟแรงๆ จะช่วยให้แบตเตอรี่เต็มเร็วขึ้นและใช้งานได้นานขึ้นกว่าเดิม แต่นั่นก็เพราะว่าไฟที่เข้าไปในแบตเตอรี่นั้นมันเกิน 100% ของที่แบตเตอรี่เก็บได้ ทำให้แบตเตอรี่อาจจะเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร ทางที่ดีก็ควรเลือกใช้ที่ชาร์จที่มากับเครื่องจะดีที่สุด หรืออย่างน้อยก็ควรใช้ที่ชาร์จที่ปล่อยไฟได้เท่ากับที่ชาร์จของตัวเครื่องนั่นเอง
ดังนั้น การชาร์จมือถือในรถเป็นเรื่องที่สามารถทำได้อย่างปลอดภัย แต่จะเป็นต้องเลือกใช้อะแดปเตอร์ชาร์จที่มีคุณภาพ มีระบบควบคุมแรงดันไฟฟ้าที่ดี จะช่วยให้การชาร์จเป็นไปอย่างปลอดภัยและไม่ส่งผลเสียต่อแบตเตอรี่ในระยะยาวครับ