
ใช้รถต้องรู้! วิธีใช้ปุ่ม Push Start ใช้ยังไงให้ถูกต้อง
ระบบ Push Start ได้เปลี่ยนวิธีการสตาร์ทรถยนต์ไปอย่างสิ้นเชิง ปุ่มสตาร์ทรถที่ดูเรียบง่ายนี้ได้แทนที่การบิดกุญแจแบบดั้งเดิม ทำให้การเริ่มต้นการเดินทางเป็นเรื่องง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส แต่ระบบ Push Start นี้ทำงานอย่างไร และทำไมผู้ใช้รถจึงควรทำความเข้าใจกับมัน เดี๋ยว เน็กเซ็น จะไขข้อสงสัยทั้งหมดเกี่ยวกับปุ่มพุชสตาร์ทที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนให้เอง
ระบบ Push Start คืออะไร
ระบบ Push Start เป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถสตาร์ทรถได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจแบบดั้งเดิม เพียงแค่กดปุ่มสตาร์ทรถที่ติดตั้งอยู่บนแผงหน้าปัด ระบบจะทำงานร่วมกับ Smart Key ซึ่งเป็นกุญแจอัจฉริยะที่สื่อสารกับตัวรถผ่านสัญญาณวิทยุความถี่ต่ำ ทำให้การสตาร์ทรถเป็นเรื่องง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น
หลักการทำงานของปุ่ม Push Start
การสตาร์ตรถด้วยปุ่ม Push Start เราต้องเหยียบเบรกแล้วกดปุ่มค้างไว้ 2-3 วินาทีจนเครื่องยนต์ติด
แล้วถ้าไม่เหยียบเบรก ไม่กดค้างล่ะ จะเป็นยังไง?
กดปุ่ม Push Start 1 ครั้ง = บิดกุญแจ 1 ครั้ง สามารถเปิดวิทยุฟังเพลงได้
กดปุ่ม Push Start 2 ครั้ง = เปิดใช้งานระบบไฟฟ้า สามารถปรับกระจก หรือเช็กสถานะต่าง ๆ ที่แผงหน้าปัดได
กดปุ่ม Push Start 3 ครั้ง = ปิดระบบไฟ แต่ถ้าเหยียบเบรกด้วยแล้วกดปุ่ม Push Start จะเป็นการสตาร์ตเครื่องยนต์
Smart Key แบตหมดทำยังไงดี?
อย่าเพิ่งตกใจไปถ้า Smart Key แบตหมด เพราะเรายังสามารถเปิดและสตาร์ตรถได้อยู่ เนื่องจากแบตเตอรีในรีโมตมีแบ่งการทำงานเป็น 2 ส่วน ได้แก่
1. ล็อก/ปลดล็อกประตู
2. สื่อสารกับตัวรถก่อนเริ่มสตาร์ต
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงปลดล็อกประตูรถได้ในขณะที่แบตหมด แต่ถ้าสตาร์ตรถไม่ติด ให้เราดันสลักด้านหลังของ Smart Key ออก จะมีกุญแจเด้งออกมา จากนั้นให้นำกุญแจไปทาบใกล้กับปุ่ม Push Start พร้อมเหยียบแป้นเบรกแล้วกดสตาร์ตได้เลย หลังจากนั้นอย่าลืมไปเปลี่ยนแบตรีโมตนะ
ข้อดีของระบบ Push Start
- สะดวกสบาย : ไม่ต้องหยิบกุญแจออกมาบิด เพียงแค่กดปุ่มพุชสตาร์ทก็สตาร์ทรถได้ทันที
- ปลอดภัย : มีระบบ Immobilizer ป้องกันการโจรกรรม ทำให้ยากต่อการขโมยรถ
- ทันสมัย : ให้ความรู้สึกไฮเทคและล้ำสมัย เพิ่มมูลค่าให้กับรถยนต์
- ใช้งานง่าย : ไม่ต้องกังวลเรื่องกุญแจติดล็อก หรือลืมถอดกุญแจ
ข้อเสียของระบบ Push Start
- ค่าใช้จ่ายสูง : หากปุ่ม Push Start เสีย การซ่อมหรือเปลี่ยนอาจมีค่าใช้จ่ายสูง
- พึ่งพาแบตเตอรี่ : ทั้ง Smart Key และระบบในรถต้องอาศัยแบตเตอรี่ หากหมดอาจทำให้ใช้งานไม่ได้
- ความซับซ้อน : ระบบที่ซับซ้อนขึ้นอาจทำให้เกิดปัญหาได้ง่ายกว่าระบบกุญแจแบบดั้งเดิม
- ความเสี่ยงจากการกดผิด : อาจเกิดอันตรายหากเผลอกดปุ่มขณะขับรถ
เผลอกดปุ่ม Push Start จะเป็นอะไรไหม
หากเผลอกดปุ่ม Push Start เพียงเสี้ยววินาทีจะไม่เป็นอะไร ตัวรถยังสามารถวิ่งได้ปกติ แต่ถ้ากดนาน 2-3 วินาที ทั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องยนต์ก็จะหยุดทำงานทันที เพราะถือว่าเราตั้งใจดับเครื่อง ซึ่งอันตรายมาก ๆเพราะอาจเกิดอุบัติเหตุชนท้ายได้
เท่านั้นยังไม่พอ หากรถดับกลางอากาศระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ก็จะไม่ทำงาน ทำให้พวงมาลัยมีน้ำหนักที่มากขึ้น ควบคุมได้ยาก ขณะเดียวกันระบบเบรกก็จะเริ่มติดขัด ซึ่งจะเหยียบได้แค่ 1-2 ครั้ง จากนั้นจะเหยียบให้รถหยุดไม่ได้อีก เพราะปั๊มเบรกไม่ทำงานแล้วนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ปุ่ม Push Start มักมีการออกแบบให้เราเผลอไปโดนได้ค่อนข้างยาก ยกเว้นกรณีที่ตำแหน่งอยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งมีโอกาสที่เด็ก ๆ อาจเผลอไปกดเล่นได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น เราควรตรวจสอบให้ดีว่ารถของเรามีระบบจัดการกับเหตุการณ์แบบนี้หรือไม่อย่างไร