
มือใหม่ต้องรู้! ความหมายของเกียร์ออโต้แต่ละตำแหน่งมีอะไรบ้าง?
ปัจจุบันคนส่วนใหญ่หันมาใช้รถยนต์เกียร์ออโต้หรือเกียร์อัตโนมัติกันมากขึ้น เพราะการขับรถเกียร์อัตโนมัติอาจดูเหมือนง่าย และไม่ซับซ้อนเหมือนการขับรถเกียร์ธรรมดา แต่สำหรับมือใหม่หัดขับอาจรู้สึกกังวลว่าการขับรถเกียร์อัตโนมัติและการดูแลรถเกียร์อัตโนมัตินั้นเป็นเรื่องยากและยังมีรายละเอียดยิบย่อยที่มือใหม่หัดขับควรรู้ วาโวลีน จึงมีเทคนิคการดูแลรถเกียร์ออโต้และการขับรถเกียร์ออโต้ให้ถูกวิธีเพื่อความปลอดภัยและการใช้งานรถยนต์อย่างมีประสิทธิภาพมาฝากทุกคน
วิธีขับขี่รถเกียร์อัตโนมัติอย่างถูกวิธี
สำหรับการขับรถเกียร์อัตโนมัติหรือการขับรถเกียร์ออโต้หากเป็นการใช้งานตามปกติทั่วไป ก่อนใส่เกียร์รถเพื่อเคลื่อนที่ไม่ว่าจะเป็นเกียร์ D เดินหน้า หรือเกียร์ R ถอยหลัง ต้องเหยียบเบรกทุกครั้ง ปัจจุบันรถเกียร์ออโต้รุ่นใหม่หลายๆ ยี่ห้อพัฒนาขึ้นเพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น หากผู้ขับไม่เหยียบเบรกก็จะไม่สามารถเลื่อนคันเกียร์ได้
ความหมายของเกียร์ออโต้แต่ละตำแหน่งมีอะไรบ้าง
ตำแหน่ง P - Park
ตำแหน่งเกียร์ P จะถูกด้านบนสุดของแป้นเกียร์ ใช้สำหรับจอดรถเพื่อดับเครื่องยนต์ ซึ่งความพิเศษของตำแหน่งเกียร์ P คือ รถยนต์จะถูกเข้าสลักล็อค ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้เลย ดังนั้น หากจำเป็นต้องจอดรถขวางทางคันอื่น ไม่ควรใช้ตำแหน่งเกียร์ P เด็ดขาด เพราะจะทำให้ผู้อื่นไม่สามารถเข็นรถขยับไปมาได้
ตำแหน่ง R - Reverse
ตำแหน่งเกียร์ R ก็คือเกียร์ถอยหลังนั้นเอง ซึ่งการสลับจากตำแหน่ง P มาเป็นตำแหน่ง R จำเป็นต้องเหยียบเบรกแล้วจึงกดปุ่มปลดล็อคบริเวณหัวเกียร์ด้วย แต่หากเป็นรถที่ใช้แป้นเกียร์แบบขั้นบันได ก็จะใช้วิธีเหยียบเบรกแล้วจึงผลักคันเกียร์ไปด้านข้าง จึงจะสามารถเข้าเกียร์ R ได้
ตำแหน่ง N - Neutral
N ก็คือ ตำแหน่งเกียร์ว่าง ตัวรถจะไม่มีการส่งกำลังใดๆ จากเครื่องยนต์ แต่หากหยุดรถในพื้นที่ลาดชัน จะทำให้รถไหลได้ ซึ่งเป็นจุดแตกต่างระหว่างเกียร์ N และ P นั่นเอง
ตำแหน่ง D - Drive
D เป็นตำแหน่งสำหรับเคลื่อนที่ไปด้านหน้า ซึ่งโดยปกติแล้ว เกียร์ D ถือว่าครอบคลุมการขับขี่ในทุกรูปแบบ หากคุณเป็นมือใหม่หัดขับ การใช้ตำแหน่งเกียร์ D อย่างเดียวก็เพียงพอต่อการเดินทางทั่วไปแล้ว
ตำแหน่ง 4, 3 และ 2
สำหรับรถบางรุ่นที่มีตำแหน่งเป็นตัวเลข เช่น 2, 3 และ 4 หรือ มีอักษร D ควบคู่ เช่น D2, D3 และ D4 นั่นหมายถึง อัตราทดสูงสุดที่ยอมให้เกียร์ทด ยกตัวอย่างเช่น ตำแหน่ง 2 หมายถึง รถจะใช้เพียงเกียร์ 1-2 เท่านั้น เช่นเดียวกับตำแหน่งเกียร์ 4 รถจะใช้เพียงเกียร์ 1-4 ไม่ปรับเป็นเกียร์ 5 ให้แต่อย่างใด
ซึ่งประโยชน์ของตำแหน่งเกียร์ลักษณะนี้ คือ ใช้ในกรณีเร่งแซง หรือขึ้นทางชันด้วยความเร็ว จะช่วยให้รถมีแรงมากขึ้น แต่ทั้งนี้ ผู้ขับขี่จำเป็นต้องเลือกตำแหน่งเกียร์ให้เหมาะสมกับความเร็วในขณะนั้นด้วย
ตำแหน่ง 1 หรือ L
ตำแหน่งเกียร์ 1 หรือ L หมายถึง เกียร์ 1 ซึ่งรถจะไม่มีการปรับอัตราทดใดๆ ให้ จะค้างอยู่ที่เกียร์ 1 เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งใช้ในกรณีขึ้นทางชันมากๆ หรือเวลาที่ต้องการแรงเบรกจากเครื่องยนต์
ตำแหน่ง M - Manual
ตำแหน่ง M หมายถึงโหมดการขับขี่แบบเกียร์ธรรมดา โดยจะใช้การผลักคันเกียร์ตำแหน่ง + หรือ - ในการเปลี่ยนอัตราทดด้วยตัวเอง เช่น ในกรณีรถอยู่ในเกียร์ 3 ก็จะค้างไว้ที่เกียร์ 3 อยู่อย่างนั้น ไม่เปลี่ยนเป็นเกียร์ 4 ให้ แต่หากลดความเร็วลงมาจนต่ำกว่าระดับความเร็วของเกียร์นั้นๆ เกียร์จะปรับลดให้อัตโนมัติ พูดง่ายๆ คือ ปรับลงให้ แต่ไม่ปรับขึ้นให้
เหล่านี้เป็นพื้นฐานในการขับขี่เกียร์อัตโนมัติ หากรู้จักการทำงานของตำแหน่งเกียร์แต่ละตำแหน่ง ก็จะช่วยให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นครับ