เคล็ดลับยานยนต์ 5 วิธีแก้ง่วงขณะขับรถทางไกล
เคล็ดลับยานยนต์ 5 วิธีแก้ง่วงขณะขับรถทางไกล

เคล็ดลับยานยนต์ 5 วิธีแก้ง่วงขณะขับรถทางไกล

ภาวะหลับใน คืออะไร ?
ภาวะหลับใน หรือการเผลอหลับระยะสั้น ๆ (Microsleep) คือ การเผลอหลับเฉียบพลัน โดยไม่รู้ตัวเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ราว 1-2 วินาที หรืออาจเป็นนานกว่านั้นก็ได้ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่สั้นมาก แต่หากเกิดข้นระหว่างที่คุณขับรถ มาด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตัวรถก็จะสามารถเคลื่อนที่ต่อไปได้ไกลถึง 25 – 50 เมตรเลยทีเดียว และอาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงบนท้องถนนได้

นอกจากนี้กรมสุขภาพจิตระบุว่า “การหลับใน” เป็นอันตรายเช่นเดียวกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะผลต่อการทำงานของสมองส่วนประมวลผล (brain processing) ทำให้การตัดสนใจแย่ลง (Impair judgment) การตอบสนองช้าลง (slower reflexes)

ในขณะที่นักวิจัยจาก The University Of New south Wales และ University of Otago ค้นพบว่า การอดนอนเป็นเวลา 17-19 ชั่วโมง เปรียบเหมือนร่างกายมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเท่ากับ 0.05 (ระดับอ้างอิงตามกฎหมายต้องต่ำว่า 0.05) หมายความว่าหากเราอดนอน 17- 19 ชั่วโมงแล้วไปขับรถก็เท่ากับว่าทำผิดกฎหมาย

เคล็ดลับยานยนต์ 5 วิธีแก้ง่วงขณะขับรถทางไกล

1. พักผ่อนให้เพียงพอก่อนออกเดินทาง
การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันอาการง่วงซึมขณะขับรถ ร่างกายที่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่จะตื่นตัวและพร้อมสำหรับการขับขี่ทางไกล หากรู้สึกว่านอนไม่พอ หรือมีอาการอ่อนเพลีย ควรเลื่อนการเดินทางออกไปก่อนเพื่อความปลอดภัย

อีกทั้งควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง เพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่

2. แวะพักเป็นระยะๆ ทุก 2-3 ชั่วโมง
การขับรถต่อเนื่องเป็นเวลานานจะทำให้ร่างกายและสายตาล้า แม้ว่าผู้ขับขี่จะยังรู้สึกว่าขับไหวก็ตาม ควรแวะพักผ่อนทุกๆ 2-3 ชั่วโมง หรือเมื่อรู้สึกเริ่มง่วง หาปั๊มน้ำมัน ร้านอาหาร หรือจุดพักรถที่ปลอดภัย จอดรถลงมายืดเส้นยืดสาย เดินเล่น หรือเข้าห้องน้ำ การพักผ่อนสั้นๆ จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจสดชื่นขึ้น

3. ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในปริมาณที่เหมาะสม
เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา หรือเครื่องดื่มชูกำลัง สามารถช่วยกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวและลดความง่วงได้ แต่ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสมและไม่มากเกินไป เพราะฤทธิ์ของคาเฟอีนจะอยู่ได้ชั่วคราว และเมื่อหมดฤทธิ์อาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลียกว่าเดิม นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เพราะอาจทำให้ง่วงซึมได้หลังจากน้ำตาลในเลือดลดลง

4. หาเพื่อนร่วมทางและชวนคุย
การมีเพื่อนร่วมทางและพูดคุยกันระหว่างขับรถ จะช่วยลดความน่าเบื่อและป้องกันอาการง่วงได้ การมีคนคอยสังเกตอาการและผลัดเปลี่ยนขับรถก็เป็นทางเลือกที่ดี หากรู้สึกว่าไม่ไหวจริงๆ ควรจอดรถในที่ปลอดภัยและให้เพื่อนร่วมทางขับต่อ หรือพักผ่อนจนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น

5. เปิดเพลงสนุกๆ หรืออากาศถ่ายเท
การเปิดเพลงที่มีจังหวะสนุกสนาน หรือการเปิดกระจกให้อากาศถ่ายเทเข้ามาในรถ จะช่วยกระตุ้นความรู้สึกและลดความง่วงได้ อากาศเย็นและเสียงเพลงที่เร้าใจจะช่วยให้คุณตื่นตัวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม วิธีนี้เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หากยังรู้สึกง่วงมาก ควรแวะพักผ่อนจะปลอดภัยกว่า

การป้องกันอาการง่วงขณะขับรถทางไกลเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หากรู้สึกว่าไม่ไหวจริงๆ อย่าฝืนขับต่อ ควรหาที่ปลอดภัยจอดพักผ่อนทันที เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและเพื่อนร่วมทาง

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง