
เคล็ดลับยานยนต์ ลมยางรถยนต์ เติมเท่าไรดีถึงจะดีที่สุด?
ความสำคัญของแรงดันลมยางที่เหมาะสม
- ปลอดภัยในการขับขี่: แรงดันลมยางที่ถูกต้องช่วยให้รถเกาะถนนได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยวหรือเบรก
- ป้องกันยางระเบิด: ยางที่มีลมอ่อนเกินไปจะทำให้ยางร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว และเสี่ยงต่อการระเบิดได้ โดยเฉพาะเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง
- ประหยัดน้ำมัน: การเติมลมยางที่เหมาะสมช่วยให้รถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น
- ยืดอายุการใช้งานยาง: ยางที่ได้รับการดูแลแรงดันลมอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดการสึกหรอ และมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
วิธีตรวจสอบและเติมลมยางที่ถูกต้อง
- ตรวจเช็กตอนยางเย็น: ควรตรวจสอบแรงดันลมยางในขณะที่ยางยังเย็นอยู่ หรือหลังจากจอดรถอย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือขับขี่ด้วยความเร็วต่ำไม่เกิน 50-60 กม./ชม. เป็นระยะทางไม่เกิน 3 กม.
- ใช้อุปกรณ์มาตรฐาน: ควรใช้เกจวัดแรงดันลมยางที่ได้มาตรฐาน
- อย่าปล่อยลมยางขณะที่ร้อน: ห้ามระบายลมออกจากยางที่กำลังร้อนหรือมีอุณหภูมิสูง
- ปิดฝาครอบจุ๊บให้แน่น: หลังจากเติมลมเสร็จแล้ว ควรปิดฝาครอบจุ๊บเติมลมให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันการรั่วซึม
ปริมาณลมยางที่เหมาะสมสำหรับรถแต่ละประเภท
ข้อมูลที่คุณให้มาเป็นค่าโดยประมาณ โดยปริมาณลมยางที่เหมาะสมที่สุดควรยึดตามคำแนะนำของผู้ผลิตรถยนต์ ซึ่งมักระบุไว้ในคู่มือหรือบริเวณด้านข้างประตูรถฝั่งคนขับ
- รถยนต์ขนาดเล็ก: 25-30 ปอนด์
- รถยนต์ขนาดกลาง: 30-35 ปอนด์
- รถกระบะ (ไม่มีน้ำหนักบรรทุก): 35-40 ปอนด์
- รถตู้ (บรรทุก 7-10 คน): 43-55 ปอนด์
- ล้อขอบ 20 นิ้ว (ยางแก้มเตี้ย): ไม่น้อยกว่า 37-39 ปอนด์ เพื่อป้องกันยางและขอบล้อเสียหายจากการตกหลุม
คำเตือน: การเติมลมยางมากเกินไป (แข็งเกินไป) จะทำให้รถเกาะถนนได้ไม่ดี รู้สึกกระด้าง และไม่สบายในการขับขี่ ส่วนการเติมลมน้อยเกินไป (อ่อนเกินไป) จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันและเสี่ยงต่อการระเบิดจากความร้อนสะสมที่แก้มยางครับ