การขับรถย้อนศรไม่ใช่แค่เรื่องผิดมารยาท แต่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจนและมีบทลงโทษที่รุนแรงขึ้นอยู่กับความเสียหายที่เกิดขึ้น
โทษพื้นฐาน: หากฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจร เช่น ลูกศรบนพื้นถนน หรือป้ายบังคับ จะมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท
โทษกรณีที่ขับโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย: หากการย้อนศรนั้นมีลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โทษหากเกิดอุบัติเหตุ: หากการย้อนศรเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ผู้กระทำผิดจะต้องรับโทษทางอาญาในข้อหาขับรถโดยประมาท และอาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ นอกจากนี้ ประกันภัยรถยนต์ (ชั้น 1, 2+, 3+) อาจไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นเนื่องจากถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน
แม้จะรู้ว่าผิดกฎหมายและอันตราย แต่พฤติกรรมนี้ยังคงพบเห็นได้บ่อยครั้งจากหลายสาเหตุ:
ความมักง่ายและขี้เกียจ: ต้องการประหยัดเวลาและระยะทางโดยไม่ต้องการไปกลับรถในจุดที่ถูกต้อง
การเลียนแบบ: เมื่อเห็นคนอื่นทำกันจนเป็นเรื่องปกติในบางพื้นที่ ก็ทำให้รู้สึกว่าสามารถทำตามได้
โครงสร้างถนนที่ไม่เอื้ออำนวย: บางพื้นที่จุดกลับรถอยู่ไกลเกินไป ทำให้ผู้ขับขี่เลือกที่จะเสี่ยง
การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เข้มงวด: การไม่ถูกจับอย่างจริงจังทำให้ผู้กระทำผิดไม่เกรงกลัว
เฉพาะกรณีรถจักรยานยนต์: ด้วยขนาดที่เล็กและคล่องตัว ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกว่าหลบหลีกได้ง่าย โดยเฉพาะพนักงานส่งอาหารหรือส่งของที่ต้องทำเวลา
การขับรถย้อนศรเปรียบเสมือนการสร้างจุดบอดมรณะบนท้องถนน เพราะผู้ขับขี่ในเลนปกติจะไม่มีทางคาดคิดว่าจะมีรถสวนมาในช่องทางของตัวเอง ซึ่งอาจนำไปสู่อุบัติเหตุที่รุนแรง เช่น:
อุบัติเหตุชนประสานงา: ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่รุนแรงที่สุดและมีโอกาสเสียชีวิตสูง
อุบัติเหตุซ้ำซ้อน: รถที่พยายามหักหลบรถที่ย้อนศร อาจเสียหลักไปชนกับรถคันอื่นหรือสิ่งกีดขวาง
อันตรายต่อคนเดินเท้า: รถย้อนศรมักวิ่งชิดขอบทาง ซึ่งเป็นพื้นที่ของคนเดินเท้าและจักรยาน ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดการเฉี่ยวชน
การขับรถย้อนศรเป็นพฤติกรรมที่ไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่ต้องแลกมา เพราะความมักง่ายเพียงชั่วคราวอาจนำไปสู่อุบัติเหตุที่เปลี่ยนแปลงชีวิตและสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นได้อย่างไม่คาดคิดครับ
