
รถเหินน้ำ (Hydroplaning) คือ อาการที่รถยนต์สูญเสียการยึดเกาะกับพื้นถนน ขณะวิ่งผ่านบริเวณที่มีน้ำขัง โดยเฉพาะที่ความเร็วสูง เนื่องจากยางไม่สามารถรีดน้ำออกได้ทัน ทำให้มี ชั้นน้ำเข้ามาแทรกระหว่างยางกับผิวถนน จนยางเหมือนลอยอยู่บนน้ำ ส่งผลให้ผู้ขับขี่ ควบคุมรถได้ยากมาก พวงมาลัยไม่ตอบสนอง และรถลื่นไถล
สาเหตุหลักที่นำไปสู่การเหินน้ำ มีดังนี้:
1. ความเร็วที่มากเกินไป: การขับขี่ด้วยความเร็วสูงในช่วงฝนตก ทำให้ยางระบายน้ำไม่ทัน
2. สภาพยางรถยนต์: ยางที่สึกหรอ ดอกยางตื้น หรือมีร่องลึกไม่เพียงพอต่อการรีดน้ำ
3. พื้นผิวถนน: ถนนที่มีน้ำขัง แอ่งน้ำลึก หรือมีรูปร่างไม่เรียบ
4. การขับขี่ในช่วงเวลาฝนตกหนัก: ปริมาณน้ำบนถนนมีมาก ทำให้เพิ่มความเสี่ยงสูง

อาการเหล่านี้บ่งชี้ว่ารถกำลังเหินน้ำ และมีความเสี่ยงสูงต่ออุบัติเหตุ:
รถสูญเสียการควบคุมกะทันหัน: รถเคลื่อนออกนอกเส้นทาง หรือเลี้ยวผิดทิศทาง แม้จะบังคับพวงมาลัยหรือเหยียบเบรกแล้วก็ตาม
พวงมาลัยเบาผิดปกติ: พวงมาลัยรู้สึกเบาหวิว ไม่ตอบสนองต่อการควบคุม
รถไถลหรือหมุน: รถอาจไถล หรือหมุนเสียการควบคุม โดยเฉพาะเมื่อเข้าโค้ง
ระบบเบรกไม่ตอบสนอง: เหยียบเบรกแล้วรู้สึกว่าเบรกไม่อยู่ หรือรถยังคงไถลไปต่อ
การป้องกันเป็นสิ่งสำคัญที่สุด:
| การป้องกัน | สิ่งที่ต้องทำ |
| ลดความเร็ว | ขับขี่ไม่เกิน 60–80 กม./ชม. เมื่อขับผ่านถนนเปียกหรือมีน้ำขัง |
| ตรวจสอบดอกยาง | ดอกยางควรมีความลึก ไม่น้อยกว่า 3 มม. และหมั่นตรวจสภาพยางสม่ำเสมอ |
| ตั้งแรงดันลมยาง | เติมลมยางให้เหมาะสมตามค่ามาตรฐาน เพื่อประสิทธิภาพในการรีดน้ำที่ดี |
| หลีกเลี่ยงแอ่งน้ำลึก | หากจำเป็นต้องขับผ่าน ให้ชะลอความเร็ว และจับพวงมาลัยให้มั่นคง |
| วิธีรับมือ (เมื่อเกิดอาการ) | ค่อย ๆ ผ่อนคันเร่ง และ รักษาทิศทางรถให้ตรง ห้ามหักพวงมาลัยหรือเบรกกะทันหัน ให้รอจนยางกลับมายึดเกาะพื้นถนนอีกครั้ง |
ข้อสรุปที่สำคัญ: การขับขี่ด้วย ความระมัดระวัง การ ตรวจเช็กสภาพรถและยาง รวมถึงการ ลดความเร็วเมื่อถนนเปียก เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันอุบัติเหตุจากการเหินน้ำครับ