Toyota หวังปั้นชื่อ Century แยกเป็นแบรนด์ใหม่ระดับ Ultra-Luxury ที่รถหรูกว่าและแพงกว่า Lexus
Toyota หวังปั้นชื่อ Century แยกเป็นแบรนด์ใหม่ระดับ Ultra-Luxury ที่รถหรูกว่าและแพงกว่า Lexus

Toyota (โตโยต้า) กำลังตกเป็นข่าวว่าจะยกระดับชื่อ "Century" (เซ็นจูรี่) ให้กลายเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับ Ultra-Luxury ซึ่งวางตำแหน่งทางการตลาดอยู่เหนือกว่าแบรนด์ Lexus (เลกซัส) ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับพรีเมี่ยมของ Toyota ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1989

Toyota หวังปั้นชื่อ Century แยกเป็นแบรนด์ใหม่ระดับ Ultra-Luxury ที่รถหรูกว่าและแพงกว่า Lexus

สำนักข่าว Forbes รายงานข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารคนหนึ่งของ Toyota ในงาน Tokyo Auto Salon 2024 ที่ผ่านมาว่า Toyota มีแนวคิดที่จะผลิตรถยนต์ที่มีราคาแพงกว่า Lexus เพื่อทำตลาดรถยนต์ในต่างประเทศ ระดับบนแข่งขันกับแบรนด์รถอื่นๆ ภายใต้ชื่อ Century

Toyota หวังปั้นชื่อ Century แยกเป็นแบรนด์ใหม่ระดับ Ultra-Luxury ที่รถหรูกว่าและแพงกว่า Lexus

สำหรับชื่อของ Toyota Century ถือว่ามีความแข็งแกร่งในประวัติศาสตร์ยานยนต์ของญี่ปุ่น นับตั้งแต่ในปี 1967 ที่ได้ฉลองครบรอบ 100 ปี ให้กับ Sakichi Toyoda (ซากิจิ โทโยดะ) ชื่อดังกล่าวถูกใช้สำหรับผลิตรถลีมูซีนสุดหรูรุ่นเรือธงสไตล์อนุรักษ์นิยมของ Toyota โดยเป็นรถหรูที่ผู้บริหารระดับสูง รัฐมนตรี รวมถึงราชวงศ์ต่างเลือกใช้

Toyota หวังปั้นชื่อ Century แยกเป็นแบรนด์ใหม่ระดับ Ultra-Luxury ที่รถหรูกว่าและแพงกว่า Lexus

ซึ่งในเจเนอเรชั่นแรก ใช้เครื่องยนต์แบบ V8 ผลิตออกมาตั้งแต่ปี 1967 - 1997 ต่อมาในเจเนอเรชั่นที่ 2 ใช้เครื่องยนต์แบบ V12 ผลิตออกมาตั้งแต่ปี 1997 - 2017 ก่อนที่เจเนอเรชั่นที่ 3 จะออกมาจำหน่ายในปี 2018 - ปัจจุบัน

Toyota หวังปั้นชื่อ Century แยกเป็นแบรนด์ใหม่ระดับ Ultra-Luxury ที่รถหรูกว่าและแพงกว่า Lexus
 
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า Toyota มีแผนที่จะส่งออก Toyota Century SUV ในขณะนี้ และ Lexus มีสถานะแบรนด์ในระดับสากลที่สูงกว่ามาก โดยแหล่งข่าวของ Forbes ให้ความเห็นว่า "ไม่หรอก จริงๆ แล้ว Century จะถูกวางตำแหน่งเหนือแบรนด์ Lexus ในฐานะแบรนด์ที่หรูหราเป็นพิเศษ" 

Toyota หวังปั้นชื่อ Century แยกเป็นแบรนด์ใหม่ระดับ Ultra-Luxury ที่รถหรูกว่าและแพงกว่า Lexus

เวลานี้ทุกอย่างก็ดูสมเหตุสมผลแล้ว แต่จะประสบความสำเร็จแค่ไหนนั้น ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่

แหล่งที่มาจาก
- Forbes

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง