Nissan Skyline GT-R R32 EV มอเตอร์คู่ขับสี่ 435 แรงม้า
Nissan Skyline GT-R R32 EV มอเตอร์คู่ขับสี่ 435 แรงม้า

Nissan Skyline GT-R R32 EV มอเตอร์คู่ขับสี่ 435 แรงม้า

Skyline R32 GT-R EV เป็นโปรเจ็กต์ที่เกิดจากความหลงใหลในรถสปอร์ตยุค 1990 ซึ่งดูผิวเผินแล้วก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก แต่ความขลังของ GT-R ไม่ว่าจะอยู่ในระบบขับเคลื่อนแบบไหนก็สามารถเรียกร้องความสนใจได้เสมอ พนักงานของ Nissan กลุ่มเล็กๆ ลงมือดัดแปลงรถสปอร์ตในตำนานให้กลายเป็นยานยนต์พลังงานสะอาด ภายนอกสี Gun Grey เมทัลลิก เครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง 2.6 ลิตร เทอร์โบคู่ ถูกยกออกไปแล้วแทนที่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว แต่ละตัวให้กำลัง 215 แรงม้า (160 กิโลวัตต์ / 218 PS) แรงบิดของมอเตอร์แต่ละตัวอยู่ที่ 340 นิวตันเมตร ทำให้ GT-R EV รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ มีกำลังรวมประมาณ 429 แรงม้า (320 กิโลวัตต์ / 435 PS) แรงบิด 680 นิวตันเมตร มากกว่าเดิมจนทำให้อัตราเร่งตีนต้นดีขึ้นเห็นๆ 

กำลังจากมอเตอร์คู่ 429 แรงม้า มากกว่าเดิมที่เครื่องยนต์ทำไว้แค่ 276 แรงม้า (206 กิโลวัตต์ / 280 PS) แรงบิดจาก 353 นิวตันเมตร พุ่งทะลุเพดานไปที่ 680 นิวตันเมตร แต่ความแรงต้องมาพร้อมกับการควบคุมที่ดี Nissan แจ้งว่าเป้าหมายของ GT-R EV คือ "ไม่ให้มีกำลังและแรงบิดมากเกินไปจนควบคุมได้ไม่ดีเท่ากับของเดิม การปรับแต่งไดนามิกและทอนกำลังให้เหมาะสมกับสมรรถนะของ GT-R ดั้งเดิมซึ่งเป็นรถที่เกิดในปี 1989" อย่าลืมว่า ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 367 กิโลกรัม วิศวกรได้ทำการปรับกำลังและแรงบิดให้เท่ากับอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักที่เท่ากับของเดิมเพื่อคงฟิลลิ่งของ R32 แท้ๆ เอาไว้ นั่นถือว่าทำได้ดีมาก 

Nissan ไม่ได้แจ้งในเอกสารว่า R32 GT-R EV วิ่งได้ไกลแค่ไหน แต่เบาะหลังถูกถอดออกเพื่อติดตั้งชุดแบตเตอรี่ความจุ 62 kWh ซึ่งถอดมาจากรถแข่ง Nissan Leaf Nismo ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบมอเตอร์คู่ ตอบสนองได้เร็วกว่าเดิม สามารถกระจายแรงบิดแบบผกผันระหว่างล้อหน้าและล้อหลังได้ดีกว่าระบบกลไกแบบเดิมทำงานเร็วกว่าและเกาะถนนมากกว่า 

นอกจากการเปลี่ยนระบบส่งกำลังแล้ว Skyline R32 GT-R EV ยังใช้ระบบกันสะเทือนสปอร์ตของแบรนด์ Nismo โช้คอัพ Öhlins กระบอกทอง สปริงแต่งท่ีแข็งขึ้น ปรับแต่งระบบเบรกใหม่หมด ด้วยระบบเบรกที่แข็งแกร่งกว่าซึ่งยกมาจาก R35 GT-R เนื่องจากจานเบรกและคาลิปเปอร์มีขนาดใหญ่ขึ้น ทีมงานจึงต้องเปลี่ยนล้อขนาด 16 นิ้วเดิมๆ เป็นล้อขนาด 18 นิ้ว ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากช่างของโรงงาน

ทีมงาน Nissan ต้องการให้ห้องโดยสารยังคงสภาพเดิมมากที่สุด แต่เบาะนั่งจากโรงงานก็ถูกเปลี่ยนมาใช้ Recaro ที่ออกแบบพิเศษ มาตรวัด ระบบเสียง ปรับปรุงใหม่ให้มีความทันสมัยมากขึ้น มาตรวัดใช้แบบเดิมแต่มีการดัดแปลงบางจุดที่ทำหน้าที่แจ้งข้อมูลสำคัญของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าให้กับผู้ขับ ในขณะที่รูปแบบของแดชบอร์ดคอนโซล ยังคงรูปลักษณ์เดิมเอาไว้ทั้งหมด นั่นคือโคตรคลาสสิก

Skyline R32 GT-R EV ยังมีฟังก์ชัน paddle shift ที่ตั้งโปรแกรมให้ระบบส่งกำลังไฟฟ้าจำลองแรงกระชากเลียนแบบการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ผ่านแป้นเปลี่ยนเกียร์คล้ายกับ Hyundai Ioniq 5 N  ซึ่งเป็น "แรงกระชากสั้นๆที่คนขับสามารถสัมผัสได้เมื่อขับรถสันดาปภายในแล้วเหยียบคลัตช์เปลี่ยนเกียร์ขึ้นหรือลงผ่านกระปุกเกียร์ธรรมดา" นอกจากนั้น ยังมีการจำลองเสียงเครื่องยนต์ที่ขึ้นลงไปตามสปีดความเร็วด้วยลำโพงที่ส่งเสียงของเครื่อง RB26DETT แบบดั้งเดิมดังกึกก้องทั่วทั้งห้องโดยสาร หากไม่ชอบก็สามารถปิดเสียงเครื่องยนต์ได้ด้วยสวิชท์เพียงปุ่มเดียว 

ทีมงาน Nissan ได้เลือก R32 เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถใช้งานได้อีกหลายปี โดยเฉพาะในบางพื้นที่ที่มีการปรับเปลี่ยนกฏหมายจำกัดการใช้งานของรถสันดาปภายในในอนาคตอันใกล้นี้ ดังที่ Ryozo Hiraku หัวหน้าโครงการได้อธิบายว่า "ผมสงสัยว่าอีก 30 ปีข้างหน้า - ในปี 2055 หรือหลังจากนั้น - เจ้าของเครื่องจักรอันน่าทึ่งนี้จะยังซื้อน้ำมันและเพลิดเพลินไปกับการขับขี่มันได้หรือไม่ ผมมองเห็นคุณค่าในการใช้เทคโนโลยีไฟฟ้าและดิจิทัล เพื่อเลียนแบบเสน่ห์ของ R32 GT-R เพื่อให้คนรุ่นต่อๆ ไปสามารถสัมผัสได้อย่างแท้จริง"

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง