Audi แจ้งยังคงใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในต่อไปหลังปี 2032

อุตสาหกรรมยานยนต์เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่าการเปลี่ยนไปสู่ “รถไฟฟ้าเท่านั้น” ยังเป็นเพียงกระบวนการที่กำลังดำเนินอยู่ ล่าสุดอาวดี้ได้ประกาศว่าจะยังคงผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปต่อไปเกินกว่าที่วางแผนไว้เดิม เนื่องจากตลาดยังไม่พร้อมสำหรับการเปลี่ยนไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว

ในงานประชุมสื่อประจำปีของอาวดี้ในปี 2025 ซีอีโอ กอนโนท ดอลเนอร์ กล่าวว่า: “ในฐานะส่วนหนึ่งของแผนการผลิตของเรา เราจะไม่เพียงแค่เปิดตัวรุ่นไฟฟ้าใหม่ๆ แต่ยังรวมถึงรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปรุ่นใหม่และปลั๊กอินไฮบริด เราจะจัดการการผลิตของรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปรุ่นสุดท้ายตามการพัฒนาต่าง ๆ ในตลาดโลก”

ก่อนหน้านี้อาวดี้เคยประกาศว่า รุ่น Q7 ใหม่จะเป็นรุ่นสุดท้ายที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป ซึ่งจะสิ้นสุดการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปในปี 2026 โดยคาดว่าจะขายจนถึงปี 2032 แล้วเปลี่ยนไปเป็นรถไฟฟ้าอย่างเต็มตัว แต่ตอนนี้ ดอลเนอร์ได้เปลี่ยนแผนใหม่

ตามตัวอย่างของคู่แข่งอย่าง BMW, Mercedes และ Volvo อาวดี้จะขยายเวลาในการผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปออกไป การตัดสินใจนี้มีเหตุผล เนื่องจาก Porsche ก็ยังมีแผนจะผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปไปจนถึงทศวรรษ 2030

ในงานประชุมเดียวกัน ดอลเนอร์ยังได้เผยถึงแผนการเปิดตัวรุ่นใหม่ๆ ในปี 2025: “เรากำลังรีเฟรชทั้งสายรุ่นของเรา และภายในสิ้นปีนี้เราจะมีพอร์ตโฟลิโอที่ใหม่ที่สุดในตลาดของเรา” ดอลเนอร์ยืนยันว่า Q3 รุ่นใหม่จะเปิดตัวในฤดูร้อนนี้ ตามหลังการเปิดตัว A6 รุ่น Avant เมื่อเร็วๆ นี้ และยังประกาศว่า A5 รุ่นปลั๊กอินไฮบริดจะเปิดตัวในวันที่ 25 มีนาคม พร้อมกับ 10 รุ่นใหม่ของ PHEV ที่จะเปิดตัวในปีนี้ เขายังกล่าวว่า PHEVs จะเป็น "ส่วนสำคัญของพอร์ตโฟลิโอของเราในขณะที่เราก้าวไปสู่การมีรุ่นไฟฟ้าเต็มรูปแบบ"

ในตลาดอเมริกาเหนือ อาวดี้จะเปิดตัว 10 รุ่นใหม่ภายในปี 2025 และกำลัง "ประเมินสถานการณ์ต่างๆ สำหรับการทำโลคัลไลเซชันเพิ่มเติม" เพื่อตอบสนองกับภาษีใหม่จากรัฐบาลสหรัฐ ส่วนในตลาดจีน อาวดี้ได้เสริมความแข็งแกร่งในการทำงานร่วมกับ FAW และ SAIC เพื่อ "ร่วมเติบโตในตลาดรถไฟฟ้า" เนื่องจากผู้บริหารเชื่อว่าพวกเขาเป็น "ผู้เล่นที่แข็งแกร่งในธุรกิจเครื่องยนต์สันดาป"

แน่นอนว่าอาวดี้ไม่ได้มองข้ามความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า CFO ของอาวดี้, ยูร์เกน ริตเทอร์สบาเกอร์ กล่าวว่า ปี 2025 จะเป็น “ปีที่ท้าทายมาก” สำหรับแบรนด์ โดยอ้างถึง "สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจที่ตึงเครียดในปี 2024" อย่างไรก็ตาม เขายังคงเชื่อมั่นในโอกาสของพอร์ตโฟลิโอที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยรุ่นใหม่ๆ กำลัง "ทยอยเข้าสู่ตลาด"

ที่มา Carscoops