Ferrari 12 Cilindri คว้ารางวัล Car Design Award 2025
Ferrari 12 Cilindri คว้ารางวัล Car Design Award 2025

Ferrari 12 Cilindri คว้ารางวัล Car Design Award 2025 

Ferrari เปิดตัวรถสปอร์ต 2 ประตูทรง Gran Turismo รุ่น 12Cilindri ที่ต้องการสื่อถึงคำศัพท์ภาษาอังกฤษว่า 12 Cylinders หรือเครื่องยนต์ V12 ซึ่งกำลังจะห่างหายไปจากวงการรถยนต์ในไม่ช้านี้ ไม่เว้นแม้แต่รถสปอร์ตไฮเปอร์คาร์ โดยเข้ามารับช่วงต่อจากรุ่นพี่ 812 Superfast และยังมีให้เลือกทั้ง 2 รูปแบบตัวถังได้แก่ 2 ประตูหลังคาแข็ง Coupe และแบบเปิดประทุน Spider


Ferrari 12Cilindri รับรางวัล Car Design Award อันทรงเกียรติ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรางวัลด้านการออกแบบยานยนต์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดระดับโลก โดยพิธีมอบรางวัลจัดขึ้น ณ พิพิธภัณฑ์ ADI Design Museum ในเมืองมิลาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน Milan Design Week โดยมี Flavio Manzoni หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Ferrari (แฟร์รารี) ขึ้นรับรางวัลในฐานะตัว แทนทีมออกแบบของแบรนด์ม้าลำพอง

Car Design Award ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1984 เพื่อยกย่องโครงการออกแบบที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยผู้ชนะจะถูกคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งเป็นตัวแทนจากสื่อมวลชนด้านยานยนต์ระดับสากล

นับตั้งแต่ปี 1984 มี Ferrari ทั้งหมด 5 รุ่นที่ได้รับรางวัลในหมวด Production Cars ได้แก่ Ferrari Testarossa (1985), Ferrari Roma (2020), Ferrari 296 GTB (2022), Ferrari Purosangue (2023) และล่าสุด Ferrari 12Cilindri ในปี 2025 ขณะเดียวกัน ทีมออกแบบของม้าลำพองได้รับอีกรางวัลในหมวด Brand Design Language ในปีเดียวกันจาก Purosangue อีกด้วย

คณะกรรมการจาก ADI ให้เหตุผลที่เลือก Ferrari 12Cilindri กล่ววว่า ดีไซจ์นของ 12Cilindri ถ่ายทอดจิตวิญญาณของ Ferrari V12 ยุค 50 และ 60 ได้เป็นอย่างดี ผ่านการทบทวนและปรับปรุงใหม่ โดยการพัฒนาด้านแอโรไดนามิคในปัจจุบันจะไม่ได้อ้างอิงจากแค่ความรู้ และประสบการณ์ที่สั่งสมอย่างที่ผ่านมาแล้ว แต่จะใช้หลักวิทยาศาสตร์เป็นหลัก สายใยอันแน่น แฟ้นระหว่างรากฐานดั้งเดิม และอนาคตของแบรนด์ ได้ผลักดันให้โครงการนี้ผสาน 2 จิตวิญญาณที่โดดเด่น ได้แก่ ความสปอร์ท และความหรูหรา เพื่อสร้างเอกลักษณ์ที่เหนือความคาดหมาย

งานออกแบบภายนอกมาพร้อมรูปทรงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น มีความแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ด้านหน้ามีการนำงานออกแบบและเส้นสายจากรุ่นคลาสสิคอย่าง 365 GTB/4 Daytona ด้วยไฟหน้าทรงเหลี่ยมเพรียวบาง พร้อมด้วยไฟ DRL และชิ้นส่วนตกแต่งสีดำเงา พร้อมด้วยเส้นสายที่ทรงพลัง แสดงออกให้เห็นถึงมัดกล้ามรอบคัน

ด้านท้ายยังมาพร้อมกับสปอยเลอร์แบบ Active Aero ที่ยกตัวขึ้นเองโดยอัตโนมัติเมื่อขับขี่ที่ความเร็วเกิน 60 กม. / ชม. ขึ้นไป และจะยกตัวไปจนถึงความเร็วสูงสุด พร้อมกันนี้ Ferrari ยังได้ออกแบบแผ่นรีดอากาศใต้ท้องตัวถังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรีดอากาศและเพิ่มแรงกด พร้อมกับออกแบบให้กระแสลมที่ไหลวนบริเวณซุ้มล้อหน้าสามารถลดแรงดันอากาศภายในห้องเครื่องได้ พร้อมด้วยชิ้นส่วนจัดระเบียบกระแสลมไหลวนใต้ลิ้นหน้าเช่นเดียวกับ 812 Competizione

ภายในเลือกใช้วัสดุพรีเมี่ยมให้สมกับการเป็นรถสปอร์ต GT เรือธง โดดเด่นด้วยหน้าจอกลางขนาดใหญ่ 3 ชุด ประกอบไอด้วย หน้าจอมาตรวัดผู้ขับขี่ขนาด 15.6 นิ้ว หน้าจอกลางขนาด 10.25 นิ้ว และหน้าจอสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมด้วยชุดเครื่องเสียง 15 ลำโพง จาก Burmester audio system

เครื่องยนต์เบนซิน V12 ความจุ 6,496 ซีซี ที่พัฒนาต่อยอดจาก 812 Superfast ระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection แรงอัด 350 บาร์ ให้กำลังสูงสุด 830 แรงม้า (PS) ที่ 9,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 678 นิวตัน-เมตร ที่ 7,250 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 8 จังหวะ ลูกใหม่

โดยรายละเอียดภายในเครื่องยนต์ได้มีการเปลี่ยนชิ้นส่วนของข้อเหวี่ยงให้ทำจากวัสดุไทเทเนี่ยม เพื่อลดน้ำหนักที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนในเครื่องยนต์ได้สูงสุด 40% เมื่อเทียบกับวัสดุเหล็กหล่อ พร้อมกับใช้อะลูมิเนียมอัลลอยในการผลิตหัวลูกสูบ รวมไปถึงการส่งผ่านเทคโนโลยีจากสนามแข่ง Formula 1 ทั้งการปรับผิวด้วยกรรมวิธี Diamond-Like-Carbon coating เพื่อช่วยลดแรงเสียดทานภายใน และเพิ่มประสิทธิภาพเชิงกลให้กับเครื่องยนต์

- อัตราเร่งจาก 0-100 กม. / ชม. ภายในเวลา 2.9 วินาที ในรุ่น Coupe และ 2.95 วินาที ในรุ่น Spider
- อัตราเร่งจาก 0-200 กม. / ชม. ภายในเวลา 7.9 วินาที ในรุ่น Coupe และ 8.2 วินาที ในรุ่น Spider
- ความเร็วสูงสุด 340 กม. / ชม.
- น้ำหนักตัวถังในรุ่น Coupe / Spider : 1,560 / 1,620 กิโลกรัม
- อัตราส่วนน้ำหนัก หน้า : หลัง อยู่ที่ 48.4 : 51.6

ระบบเบรกแบบ Brake-by-wire ถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน โดยยกชุดระบบมาจาก SF90 Stradale และ 296 พร้อมด้วยระบบรักษาการทรงตัว Slide Slip Control 8.0 (SSC 8.0) เพื่อมอบอิสระให้กับผู้ขับขี่ในการปรับแต่งการทำงานของระบบควบคุมตัวรถอย่างละเอียดและเป็นอิสระมากที่สุด พร้อมระบบที่ช่วยประมวลผลสภาพการยึดเกาะของล้อและสนามแข่ง เพื่อให้การปรับแต่งค่าต่างๆ เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ

ทั้งนี้ยังมีระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า และยังมาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 275/35 ZR21 ที่คู่หน้า และ 315/35 ZR21 ที่คู่หลัง จาก Michelin Pilot Sport S5 หรือ Goodyear Eagle F1 Supersport

Ferrari 12Cilindri มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 395,000 ยูโร หรือประมาณ 15,650,925 บาท สำหรับรุ่น Coupe และ 435,000 ยูโร หรือประมาณ 17,234,710 บาท สำหรับรุ่น Spider

ที่มา: Carscoops

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง