iCAR V23 รถไฟฟ้าสายลุย เล็งเปิดราคาต่ำล้าน ลุ้นเข้าไทยเร็วๆนี้
iCAR V23 รถไฟฟ้าสายลุย เล็งเปิดราคาต่ำล้าน ลุ้นเข้าไทยเร็วๆนี้

iCAR V23 รถไฟฟ้าสายลุย เล็งเปิดราคาต่ำล้าน ลุ้นเข้าไทยเร็วๆนี้

รถยนต์ไฟฟ้า 100% สไตล์ออฟโรด พื้นฐานเดียวกันกับ JAECOO 6 รถยนต์ไฟฟ้าสายลุยรุ่นที่เริ่มจัดจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว ณ ปัจจุบัน โดยตัว iCAR V23 ณ ตอนนี้ยังไม่มีชื่อเวอร์ชั่นไทยอย่างเป็นทางการ (คาดว่าจะใช้ชื่อ JAECOO 3 แต่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา) ส่วน JAECOO 6 ในประเทศจีนจะใช้ชื่อว่า iCAR 03

สำหรับ iCar V23 จะเป็นรถเอสยูวีไฟฟ้าสายลุยรุ่นที่ 2 ของทางแบรนด์ที่ต่อมาจาก iCar 03 หรือตลาดเมืองไทยจะรู้จักกันในชื่อ JAECOO 6 EV iCar V23 เป็นรถที่ถูกพัฒนาขึ้นจากความช่วยเหลือของเทคโนโลยี Zhimi ของทาง Xiaomi สำหรับในด้านงานดีไซน์จะมาในรูปแบบรถเอสยูวีไฟฟ้าขนาดกระทัดรัด ที่มีการออกแบบที่เน้นความบึกบันแข็งแกร่งสะท้อนสไตล์ของรถออฟโรด

ด้านหน้าจะมากับชุดไฟหน้าทรงกลม ด้านในจะเป็นแถบไฟ LED ที่วางเรียงซ้อนกัน 2 เส้น โดยมีไฟส่องว่างทรงเหลี่ยมเล็กอยู่ระว่างหว่างกลาง นอกจากนั้นยังมีแถบไฟ LED DRL วางต่ออยู่ด้านนอก ตรงกลางกระจังหน้าจะเป็นแถบวัสดุสีเงินขนาดใหญ่พร้อมตีตราชื่อแบรนด์  iCar ไว้ที่ด้านมุมซ้าย กันชนหน้าติตตั้งชดไฟตัดหมอก มาพร้อมกล้อง และระบบเรดาร์ MMW RADAR  

ด้านข้างเน้นความเรียบง่าย มาในสไตล์กล่องทรงเหลี่ยม เติมความบึกด้วยขอบซุ้มล้อทรงเหลี่ยม มาพร้อมล้ออัลลอยสีดำ ที่ออกแบบลวยลายให้สอดรับกับระบบแอร์โร่ไดนามิค โดยมีขนาด 19 นิ้ว และ 21 นิ้ว เติมความไฮเทคหรูหราด้วยมือเปิดประตูที่เป็นแบบซ่อนราบเรียบไปกับตัวรถ นอกจากนั้นในส่วนของเสา C ด้านท้ายจะออกแบบใหม้มีขนาดใหญ่ พร้อมตีตราชื่อรุ่น V23 ไว้ทั้ง 2 ฝั่ง ด้านท้ายจะได้รับการติดตั้งชุดไฟท้าย LED ที่วางอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำ ใกล้กับกันชนหลัง มาพร้อมกล่องทรงเหลี่ยมสำหรับเก็บของ ที่ติดตั้งอยู่ที่ประตูท้ายซึ่งมีลักษณะคล้ายกับกล่องยางอะไหล่ ในด้านมิติขนาดตัวรถ จะมีขนาดที่เล็กกว่ารุ่นพี่ iCar 03 โดยมีความยาว 4,220 มม., กว้าง 1,915 มม., สูง 1,845 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,730 มม. มาพร้อมมุมเข้าที่ 43° มุมออก 41° และมีระยะห่างจากพื้นต่ำสุด 200 มม. 

ภายในห้องโดยสาร จะมากับดีไซน์ตามแบบฉบับรถยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ ที่เน้นความมินิมอลที่เรียบง่าย โดยจะมีเฉดสีภายในให้เลือก 3 สีด้วยกันได้แก่ สีขาว / เทา และสีดำ ในส่วนของแผงแดชบอร์ดจะได้รับการติดตั้งเพียงหน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาดใหญ่ 15.4 นิ้ว เพียงหน้าจอเดียว ที่วางแบบแขวนอยู่ตรงกลาง มาพร้อมความคมชัดระดับ 2.5K ขับเคลื่อนด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8155 และรองรับการเชื่อมต่อ CarPlay แบบไร้สาย และสั่งงานด้วยเสียง มาพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงสองก้าน โดยมีปุ่มควบคุมสั่งงานเป็นแบบลูกกลิ้ง

ด้านช่องระบายอากาศจะมาในแบบทรงสี่เหลี่ยม ขณะที่ปุ่มควบคุมสั่งงานระบบปรับอากาศ และระบบขับเคลื่อนจะมาในแบบมือหมุน ด้านเบาะที่นั่งจะมาในแบบ 2×2 (4 ที่นั่ง) ตัวเบาะหุ้มด้วยวัสดุหนังเกรดพรีเมียม เบาะฝั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ส่วนฝั่งผู้โดยสารตอนหน้าด้านหน้าปรับได้ 4 ทิศทาง โดยทั้ง 2 ตำแหน่งจะมากับระบบทำความร้อน อีกทั้งยังปรับเอนได้แบบราบเรียบเชื่อมต่อกับเบาะที่นั่งตอนหลัง ขณะที่เบาะด้านหลังปรับพับได้โดยจะช่วยทำให้มีพื้นที่เก็บสัมภาระแบบแบนราบสูงสุด 744 ลิตร อีกทั้งยังมีช่องเก็บของใต้เบาะและพื้นที่เก็บสัมภาระใต้พื้นขนาด 90 ลิตร

ด้านชุดอุปกรณ์ภายใน จะได้รับช่องเก็บของที่อยู่ใต้ที่พักแขนกลางแถวหน้า, ช่องเก็บของใต้เบาะที่นั่งแถวหน้า, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ มาพร้อมตัวกรองอากาศ PM2.5, ช่องเชื่อมต่อไฟฟ้าสำหรับกล่องคอนโซลกลาง, ระบบ WiFi ภายในรถ, กุญแจ Keyless Start, กุญแจการ์ด NFC และระบบเครื่องเสียง ที่มาพร้อมลำโพง 7 ตำแหน่ง

ด้านระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือกการขับขี่จะได้รับการติดตั้งกล้องมองหน้าขนาด 8 เมกะพิกเซล / กล้องมองรอบทิศทางขนาด 3 เมกะพิกเซล /  เรดาร์คลื่นมิลลิเมตร 5 ตัว และเรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว มาพร้อมระบบ ADAS และระบบการขับขี่อัตโนมัติ L2+ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, เซ็นเซอร์ช่วยจอดแบบอัลตราโซนิก, กล้องตรวจจับความเคลื่อนไหว, กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา, ระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้า, ระบบแจ้งเตือนการออกนอกเลน, ระบบช่วยเปลี่ยนเลน, ระบบแจ้งเตือนการชนด้านหลัง, ระบบเตือนการจราจรขณะถอยหลัง, ระบบเตือนการชนจากด้านหน้า, ระบบตรวจจับมุมอับสายตา, ระบบจดจำป้ายจราจร, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และระบบช่วยควบคุมรถอยู่กลางเลน เป็นต้น

สำหรับในด้านพละกำลังขับเคลื่อน iCar V23  ที่เปิดตัวใวางขายนจีนจะมีให้ 3 รูปแบบดังนี้

- รุ่นเริ่มต้นขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียว ที่วางอยู่คู่ล้อหลังให้กำลัง 100 kW (134 แรงม้า) แรงบิด 180 นิวตันเมตร จับคู่กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟตที่มีขนาดความจุ 59.93 kWH ชาร์จไฟเต็มให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 401 กม. (CLTC)
- รุ่น RWD Long Range จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวที่อยู่คู่ล้อหลังให้กำลัง 100 kW (134 แรงม้า) แรงบิด 180 นิวตันเมตร มาพร้อมชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟตขนาด 81.76 kWH ชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้งให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 550 กม. (CLTC)
- รุ่น AWD จะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ โดยจะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่คู่ล้อหลังให้กำลัง 100 kW (134 แรงม้า) แรงบิด 180 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าที่คู่ล้อหน้าให้กำลัง 55 kW (74 แรงม้า) ให้กำลังรวม 211 แรงม้า แรงบิด 292 นิวตันเมตร จับคู่กับแบตเตอรี่ลิเธียมเทอร์นารีที่มีขนาดความจุ 81.76 kWh ชาร์จไฟเต็มให้ระยะทางวิ่ง 501 กม. (CLTC)

iCar V23 ที่เปิดตัวในประเทสจีนจะมีเฉดสีตัวถังให้เลือก 9 สี ได้แก่สีเหลือง, สีส้ม, สีขาว, สีบรอนซ์เงิน, สีดำ, สีเขียว, สีนำเงิน, สีเทาเข้มและสีม่วง

ด้านราคาจำหน่ายจะแบ่งออกเป็น 5 รุ่นย่อยด้วยกันทั้งมอเตอร์ไฟ้าตัวเดียว และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ โดยมีราคาจำหน่ายไว้ดังนี้

     - iCar V23  401 2WD Advanced ราคา 109,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ปนะมาณ 5.05 แสนบาท
    - iCar V23  401 2WD Smart Driving ราคา 119,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ปนะมาณ 5.52 แสนบาท
    - iCar V23  550 2WD Smart Driving ราคา 135,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ปนะมาณ 6.25 แสนบาท
    - iCar V23  501 4WD Advanced ราคา 139,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ปนะมาณ 6.44 แสนบาท
    - iCar V23  501 4WD Smart Driving ราคา 149,800 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ปนะมาณ 6.9 แสนบาท

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง