
Toyota C-HR EV ขุมพลังไฟฟ้า มอเตอร์คู่ 338 แรงม้า แบต 74.7 kWh วิ่งไกลสุด 467 km. เตรียมขายในสหรัฐฯ ปี 2026
Toyota เดินหน้าเปิดตัวรถ EV ตัวถัง Crossover อย่างเต็มสูบ ลบคำสบประหม่าได้เป็นอย่างดี โดยรุ่นล่าสุดเปิดตัวที่สหรัฐอเมริกาด้วยการนำ C-HR+ ที่เปิดตัวไปก่อนหน้าในยุโรป มาเปลี่ยนชื่อให้สั้นลงโดยการตัดเครื่องหมาย + ออกไป ยังคงไว้ซึ่งดีไซน์โฉบเฉี่ยว สมรรถนะอันเร้าใจ เทคโนโลยีทันสมัย และระบบความปลอดภัยครบครันเช่นเดิม
ดีไซน์ภายนอกเน้นความสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวตามแนวทางการออกแบบของค่าย “Hammerhead” หรือฉลามหัวค้อน ที่เห็นไดในรุ่น Prius Crown เป็นต้น พร้อมไฟหน้าแบบ LED และไฟท้ายลากยาวต่อเนื่องกันตลอดความกว้างตัวรถ เสริมความทันสมัยให้ตัวรถอย่างลงตัว
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ติดตั้งแท่นชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สายจำนวน 2 ตำแหน่ง ช่องชาร์จ USB สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง รวมถึงระบบควบคุมแอร์สำหรับห้องโดยสารด้านหลัง อีกทั้งยังมี หลังคา Panoramic Roof แบบโปร่งใสที่เปิดรับแสงธรรมชาติ ช่วยให้ห้องโดยสารดูโปร่งโล่งและสว่างสบายตาในทุกมุมมอง พร้อมเบาะหลังพับแยกแบบ 60/40 และพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายสูงสุด 720 ลิตร
จุดเด่นของ C-HR (BEV) มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ให้พละกำลังรวมสูงสุด 338 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-AWD) พร้อมอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงในประมาณ 5 วินาที มอบประสบการณ์ขับขี่ที่คล่องตัวและเร้าใจยิ่งกว่าที่เคย ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 74.7 kWh ช่วยให้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 290 ไมล์ (ประมาณ 467 กิโลเมตร) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน EPA รองรับการชาร์จเร็ว DC Fast Charging จาก 10-80% ภายใน เวลาประมาณ 30 นาที
ติดตั้งแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shifter ซึ่งใช้สำหรับการเปิดใช้งานและปรับระดับการชะลอความเร็วด้วยระบบเบรกแบบสร้างพลังงานกลับคืน (Regenerative Braking) เพื่อชาร์จกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ โดยผู้ขับขี่สามารถปรับระดับความแรงของการเบรกได้ถึง 4 ระดับผ่านแป้นที่พวงมาลัย
จุดเด่นของ Toyota C-HR BEV 2026
- แบตเตอรี่ขนาด 74.7 kW แรงม้าสูงสุด 338 แรงม้า
- ระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนตามที่ผู้ผลิตประมาณการไว้สูงสุด 467 กิโลเมตรต่อการชาร์จ
- ความสามารถในการชาร์จด่วนแบบ DC (NACS) ชาร์จ 10-80% ในเวลาประมาณ 30 นาที
Toyota C-HR (BEV) ปี 2026 เตรียมเริ่มวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาภายในปี 2026 นี้ โดยยังไม่มีการประกาศราคาทางการ คาดว่าจะตั้งราคาจำหน่ายเริ่มต้นใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้าคอมแพคท์ในกลุ่มเดียวกัน ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ครบเครื่องทั้งด้านดีไซน์ สมรรถนะ และความปลอดภัย สำหรับผู้ที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าขนาดกลางในยุคใหม่
ที่มา: Toyota US