Nissan เตรียมปิดโรงงาน 7 แห่งทั่วโลกภายในปี 2028

โรงงานในญี่ปุ่นที่จะถูกปิด ประกอบด้วย โรงงานหลักอปปามะ ในเมืองโยโกสุกะ จังหวัดคานางาวะ และโรงงานโชนัน ในเมืองฮิระสึกะ จังหวัดคานางาวะ ส่วนในต่างประเทศ มีรายงานว่าบริษัทจะยุติการผลิตยานยนต์ที่โรงงาน 5 แห่งใน 4 ประเทศ ได้แก่ แอฟริกาใต้ อินเดีย อาร์เจนตินา และเม็กซิโก โดยกำลังพิจารณาปิดโรงงาน 2 แห่งในเม็กซิโก

ข้อมูลนี้ได้รับจากแหล่งข่าวหลายคนระบุว่า หากบริษัทปิดโรงงานหลักในประเทศจริง จะถือเป็นครั้งแรกที่ปิดโรงงานหลักนับตั้งแต่การปิดโรงงานมุรายามะในโตเกียวเมื่อปี 2001 ส่วนครั้งล่าสุดที่มีการปิดโรงงานมากขนาดนี้คือเมื่อปี 1999 นิสสันเคยมีแผนฟื้นฟูขนาดใหญ่ ซึ่งได้ปิดโรงงานไป 5 แห่ง รวมถึงโรงงานชิ้นส่วน

สำหรับโรงงานทั้ง 7 แห่งที่จะถูกปิด ทั้งหมดเป็นโรงงานผลิตยานยนต์สำเร็จรูป นอกจากนี้ บริษัทยังกำลังพิจารณาปรับโครงสร้างโรงงานชิ้นส่วนอีกด้วย

ในส่วนของโรงงานหลักอปปามะเริ่มดำเนินการในปี 1986 เป็นหนึ่งในโรงงานแห่งแรก ๆ ของโลกที่ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จำนวนมาก มีกำลังการผลิตต่อปีประมาณ 240,000 คัน ข้อมูล ณ สิ้นเดือน ต.ค. 2012 พบว่ามีพนักงานอยู่ประมาณ 3,900 คน

ขณะที่โรงงานโชนัน ซึ่งผลิตรถตู้เชิงพาณิชย์ มีกำลังการผลิตต่อปีประมาณ 150,000 คัน และมีพนักงานประมาณ 1,200 คน

นอกจากการปิดโรงงาน นิสสันจะเปิดให้พนักงานในญี่ปุ่นยื่นเกษียณอายุก่อนกำหนดโดยสมัครใจ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ค. – ส.ค. นี้ โดยบริษัทจะเสนอผลประโยชน์การเกษียณอายุเพิ่มเติมและการสนับสนุนการจัดหางานใหม่ให้กับพนักงานในแผนกบริหาร

นี่เป็นครั้งแรกที่บริษัทเสนอโปรแกรมเกษียณอายุก่อนกำหนดในประเทศญี่ปุ่นในรอบ 18 ปี นับตั้งแต่ปี 2007

ตามคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ในนิสสัน บริษัทได้แจ้งให้พนักงานทราบเกี่ยวกับโปรแกรมเกษียณอายุก่อนกำหนดแล้ว ให้เหตุผลว่า “เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจมีความยากลำบากมากขึ้นเนื่องจากปัจจัยใหม่ เช่น ภาษีศุลกากร การปรับค่าใช้จ่ายด้านการจัดการจึงมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น”

บริษัทมีแผนที่จะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมหลังกลางเดือน มิ.ย.

บริษัทยังเปิดเผยว่า การเลิกจ้างพนักงาน 20,000 คน คิดเป็น 15% ของพนักงานรวมทั่วโลก โดยหากพิจารณาตามแผนก รวมถึงพนักงานสัญญาจ้าง บริษัทมีแผนจะเลิกจ้าง 13,000 คนจากแผนกการผลิต เช่น โรงงาน, 3,600 คน จากแผนกบริหาร และอีก 3,400 คนจากแผนกวิจัยและพัฒนา

นิสสันได้รับผลกระทบจากยอดขายทั่วโลกที่ตกต่ำ และกำลังการผลิตที่มากเกินความต้องการกำลังกดดันการดำเนินงานของบริษัท โดยประกอบการทางการเงินรวมของบริษัทสำหรับปีงบประมาณ 2024 ที่สิ้นสุดในเดือน มี.ค. 2025 พบว่า ขาดทุนสุทธิกว่า 6.7 แสนล้านเยน (ราว 1.51 แสนล้านบาท)

ขยายผลกระทบไปยังโรงงานต่างประเทศ
Nissan ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การผลิตรถกระบะ Navara จะถูกรวมศูนย์ไว้ที่โรงงานในเม็กซิโก โดยจะยุติการผลิตในอาร์เจนตินา ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตในสามประเทศคือ เม็กซิโก อาร์เจนตินา และไทย
นอกจากนี้ บริษัทยังยืนยันว่ากำลังถอนตัวจากโรงงานในอินเดีย โดย Renault ซึ่งเป็นพันธมิตรร่วมทุนได้ประกาศเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ว่าจะเข้าซื้อหุ้นของ Nissan ในโรงงานดังกล่าว ซึ่งผลิตรถยนต์อย่าง Nissan Magnite, X-Trail, Renault Kwid, Kiger และ Triber

ขณะเดียวกัน โรงงาน Sunderland ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นฐานการผลิต Qashqai, Juke และ Leaf จะไม่ได้รับผลกระทบ รวมถึงโรงงานในสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปลอดภัยเช่นกัน

แผนฟื้นฟูที่มาพร้อมการลดคนและหยุดพัฒนาบางรุ่น
นอกจากการปิดโรงงาน Nissan ยังวางแผน ลดพนักงานกว่า 20,000 คนภายในเดือนมีนาคม 2028 และมุ่งหาประสิทธิภาพจากแผนกวิจัยและพัฒนา รวมถึง หยุดการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ที่มีกำหนดเปิดตัวหลังมีนาคม 2027 เป็นการชั่วคราว เพื่อควบคุมต้นทุนและเน้นการฟื้นฟูองค์กรในระยะยาว

ข้อมูลจาก Carexpert