Subaru สหรัฐฯ ประกาศขึ้นราคารถยนต์หลายรุ่น หลังแบกต้นทุนจากภาษีทรัมป์ไม่ไหว
Subaru สหรัฐฯ ประกาศขึ้นราคารถยนต์หลายรุ่น หลังแบกต้นทุนจากภาษีทรัมป์ไม่ไหว

Subaru สหรัฐฯ ประกาศขึ้นราคารถยนต์หลายรุ่น หลังแบกต้นทุนจากภาษีทรัมป์ไม่ไหว

บริษัทแม่ Subaru ระบุในแถลงการณ์ว่า การปรับขึ้นราคาครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อให้สอดรับกับ “สภาพของตลาดในปัจจุบัน” โดยไม่ได้กล่าวถึงการปรับขึ้นภาษีของทรัมป์โดยตรงหรือระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการปรับราคา “การเปลี่ยนแปลงนี้ เกิดขึ้นเพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น พร้อมกับคงความคุ้มค่าสำหรับลูกค้า Subaru ซึ่งไม่ได้ตั้งราคาจากประเทศต้นทางของสินค้า”

ในช่วงหลัง ผู้บริหารในอุตสาหกรรมยานยนต์ พากันเปิดเผยต่อนักลงทุนถึงผลกระทบจากภาษีศุลกากรที่ต้องแบกรับในปีนี้ โดยเฉพาะค่ายผู้ผลิตในสหรัฐฯ บางราย ซึ่งระบุว่าภาษีอาจทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นสูงถึง 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าจะมีการผ่อนปรนภาษีบางส่วนสำหรับชิ้นส่วนรถยนต์นำเข้า แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเรียกเก็บภาษี 25% สำหรับรถยนต์นำเข้าราว 8 ล้านคันต่อปีในสหรัฐฯ

ก่อนหน้านี้ Ford Motor เพิ่งประกาศขึ้นราคารถยนต์ 3 รุ่นที่ผลิตในเม็กซิโกสูงสุดถึง 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถรายใหญ่รายแรกที่ขึ้นราคา เนื่องจากนโยบายภาษีของทรัมป์

สำหรับ Subaru การปรับราคาจะเพิ่มขึ้นระหว่าง 750 - 2,055 ดอลลาร์สหรัฐต่อคัน ขึ้นอยู่กับรุ่นและเกรดของรถ โดยราคาที่ปรับขึ้นจะเริ่มมีผลกับรถที่วางจำหน่ายในโชว์รูมตั้งแต่เดือนมิ.ย.นี้เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ข้อมูลจากบริษัทวิจัย S&P Global Mobility ระบุว่า Subaru นำเข้ารถยนต์ประมาณ 45% จากจำนวนที่จำหน่ายในตลาดสหรัฐฯ ทั้งหมด โดยรุ่นยอดนิยมในกลุ่มราคาประหยัดอย่าง Forester จะได้รับผลกระทบจากภาษีมากที่สุด ตามการวิเคราะห์ของ Erin Keating นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Cox Automotive โดย SUV รุ่นนี้จะมีการปรับราคาขึ้นระหว่าง 1,075 - 1,600 ดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา Reuters

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง