
Nissan N7 ซีดานไฟฟ้า 100% ชาร์จไฟวิ่งไกล 625 กม. เปิดตัวแรงพร้อมบุกตลาดโลก ลุ้นเข้าไทยปีหน้า
ด้วยกระแสตอบรับที่ร้อนแรงทั้งในตลาดประเทศจีนและยุโรป และได้รับการยืนยันออกมาแล้วว่า Nissan N7 มีแผนที่จะบุกตลาดโลก แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายละเอียดในเรื่องของช่วงเวลาที่แน่นอนในการเปิดตัว หรือมีประเทศใดบ้างที่จะได้สัมผัสกับรถรุ่นนี้ แต่หากให้เลดี้คาดการณ์น่าจะจำหน่ายในหลายตลาด รวมถึงยุโรปและออสเตรเลียด้วย แต่ที่น่าสนใจคือ Nissan เพิ่งจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า "Primera" ในหลายตลาด ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่า N7 อาจจะกลับมาพร้อมชื่อรุ่นในตำนานที่หลับใหลมานานก็เป็นได้
Nissan N7 ได้ถูกพัฒนาบนพื้นฐานของ Dongfeng eπ 007 แต่อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์อย่างประตูแบบปีกนก (Scissor Doors) สไตล์ Lamborghini ของ eπ 007 จะไม่ได้ถูกนำมาใช้ ถ้าให้เลดี้เดานะ อาจจะเป็นข้อจำกัดในเรื่องของราคาจำหน่าย แต่เอาจริงๆ นะ คนส่วนใหญ่คงไม่ติดใจเรื่องพวกนี้หรอก ขอแค่ดีไซน์สวย ใส่ฟังก์ชันที่จำเป็นต้องมีมาให้ และราคาจับต้องได้ แค่นั้นก็พอแล้ว
ดีไซน์แบบ V-Motion ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของทางนิสสัน โดยมีชุดไฟหน้าแบบ 2 ชั้น ด้านบนจะเป็นแถบไฟ LED DRL ที่วางพาดยาวเต็มพื้นที่ โดยจะเลาะตามขอบของฝากระโปรงหน้า มาพร้อมชุดไฟหน้ารูปตัว V แบบทรงบูมเมอแรง ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้นเผยว่าจะประกอบไปด้วยหลอดไฟ LED ที่มาถึง 710 ดวง ตรงกลางกระจังหน้าที่เป็นแบบปิดทึบจะติดตั้งโลโก้ Nissan ที่มาในแบบเรืองแสง
อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้ว Nissan N7 มีการออกแบบที่ไม่เหมือนกับ Nissan ทั่วไปอย่างมาก ปลดล็อค DND ของแบรนด์อย่างชัดเจน สังเกตุจากแถบไฟ Daytime Running Light ไฟหน้า LED ที่ประณีตพิถีพิถัน ภายในห้องโดยสารทันสมัยกว่ารุ่นอื่นๆ ที่ผ่านมา ประกอบด้วย หน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 15.6 นิ้ว, แท่นชาร์จไร้สาย, พวงมาลัยสองก้าน และการออกแบบที่เน้นความเรียบง่ายแบบมินิมอล เส้นสายด้านข้างเน้นความเรียบหรู ออกแบบให้ตัวรถลดแรงต้านอากาศ มือเปิดประตูเป็นแบบราบไปกับตัวรถ มาพร้อมประตูแบบไร้กรอบ มาพร้อมล้ออัลลอยที่มีให้เลือก 2 ขนาด 17 และ 19 นิ้ว (ขึ้นอยุ่แต่ละรุ่นย่อย) ส่วนของหลังคาด้านท้ายมาในทรงลาดเทในสไตล์คูเป้ ส่วนชุดไฟท้าย มาในแบบทรงเดียวกันกับด้านหน้าทีวางเต็มพื้นที่ด้านหลัง โดยจะประกอบด้วยหลอดไฟ LED ที่มากถึง 882 ดวง โดยงานออกแบบโดยรวมทั้งหมดทางผู้ผลิตเผยว่า Nissan N7 จะมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ 0.208 Cd ด้านขนาดมิติตัวรถจะมีขนาดความยาวอยู่ที่ 4,930 มม. กว้าง 1,895 มม. สูง 1,487 มม. มาพร้อมระยะฐานล้อ 2,915 มม. ตัวรถจะมีน้ำหนักอยู่ที 1,949 กก. และ 1,962 กก.
ภายในห้องโดยสารของ Nissan N7 จะมีให้เลือก 2 โทนสี ได้แก่ สีเทาอ่อน และสีเขียว ออกแบบให้มีความกว้างเป็นพิเศษ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าในแบบครอบครัว โดยมีพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารตอนหลังกว้างถึง 707 มม. มาพร้อมพื้นที่รับแสงธรรมชาติขนาด 4 ตารางเมตร สามารถกันรังสียูวีได้มากถึง 99% อีกทั้งยังตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยวัดุที่ไม่เป็นอันตรายต่อคุณภาพชีวิต ส่วนแผงแดชบอร์ดจะมากับแผงหน้าปัดแบบ LCD ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่วางอยู่อยู่ด้านหล้งพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันแบบก้านคู่ โดยมีปึ่มควบคุมเป็นแบบลูกกลิ้ง มาพร้อมคันเกียร์ไฟฟ้าที่อยู่ด้านหลัง ส่งนตนงกลางคอนโซลหน้าจะมากับหน้าจอควบคุมกลางขนาด 15.6 นิ้ว ที่มาพร้อมความคมชัดระดับ 2.5K มาพร้อมระบบ Nissan OS และขับเคลือนด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8295P ที่มากับหน่วยความจำที่มากถึง 32GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 256GB รองรับระบบสั่งงานด้วยเสียง AI ที่เชื่อมต่อกับรุ่น DeepSeek-R1 อีกทั้งยังรองรับการเชื่อต่อทั้ง HiCar, Carlink และ CarPlay เบาะที่นั่งเป็นแบบ AI Zero Pressure Cloud Carpet Seat หุ้มด้วยวัสดุที่เนียนเรียบดุจแพรไหม พร้อมติดตั้งเซ็นเซอร์ 49 ตัวจากสถาปัตยกรรม Tianyan เพื่อใช้ในการตรวจจับความดันร่างกายผู้ใช้งาน และปรับตามพนักพิง, ที่รองน่อง รวมถึงปีกเบาะเพื่อให้ผู้ใช้งานผ่อนคลายที่สุด โดยเป็นการปรับตำแหน่งแบบ real-time ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในรถยนต์ นอกจากนั้นยังมาพร้อมระบบนวดผ่อนคลายที่มากถึง 12 จุด ด้านชุดอุปกรณ์จะได้รับ ชุดไฟ Ambient light รอบทิศทาง 256 สี, ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง 14 ตำแหน่ง โดยบางส่วนถูกติดตั้งไว้บริเวณพนักพิงศีรษะด้านหน้า, แท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแยบบไร้สายแบบคู่ ที่ให้กำลังไฟชาร์จ 50 W, พอร์ต USB 3 พอร์ต หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา และตู้ที่รองรับทั้งการทำความเย็นและความร้อนโดยมีช่วงอุณหภูมิตั้งแต่ -6°C ถึง 55°C ปิดท้ายด้วยพื้นที่เก็บของด้านหลังที่มีความจุมากถึง 504 ลิตร
ด้านระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่จะมากับระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง มาพร้อมระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ที่ได้รับการพัฒนาร่วมกับ Momenta ทำงานร่วมกับระบบนำทาง Navigate on Autopilot ซึ่งจะมากับระบบนำทางทั้งในเมือง และทางหลวงแบบอัตโนมัติ รวมถึงยังได้รับระบบช่วยจอดรถ และระบบช่วยจอดที่สามารถที่ทิศทางได้ Nissan N7 ถูกสร้างขึ้นบนสถาปัตยกรรมพลังงานใหม่ของ Dongfeng Nissan ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังไฟฟ้า 100% จะได้รับการดิดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีความแรงให้เลือก 2 ขนาด รุ่นเริ่มต้นจะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าที่วางอยู่คู่ล้อหน้าให้กำลัง 160 kW (215 แรงม้า) จับคู่กับแบตเตอรี่ LFP ขนาด 58 kWh จาก Sunwoda ชาร์จไฟเต็มให้ระยะวิ่งอยู่ที่ 510 – 540 กม. รุ่นท๊อปจะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าที่อยู่คู่ล้อหน้าให้กำลัง 200 kW (268 แรงม้า) ให้อัตราเร่งจาก 0- 100 กม./ชม. ใน 6.9 วินาที จับคู่กับแบตเตอรี่ LFP ขนาด 73 kWh ชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้งให้ระยะทางวิ่งไกลสุด 625 กม. (CLTC) รองรับการชาร์จไฟแบบ DC แบบ 3C มราชาร์จไฟเพียง 19 นาที วิ่งไกลถึง 400 กม.
Nissan N7 EV ที่วางจำหน่ายในประเทศจีนจะมีเฉดสีตัวถังให้เลือก 6 สี ได้แก่ น้ำเงิน / เงิน / น้ำเงินเขียว / สีเบจ / สีขาว และสีดำ
หลังจากที่ทาง Dongfeng- Nissan ได้เผยโผยโฉมจริง Nissan N7 ซีดานไฟฟ้า 100% ที่ในงาน Shanghai Auto Show 2025 ล่าสุดได้ประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีให้เลือก 5 รุ่นย่อยในตลาดเมืองจีน มีราคาจำหน่ายดังนี้
Nissan N7 510 Air ราคา 119,900 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 5.47 แสนบาท
Nissan N7 510 Pro ราคา 129,900 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 5.93 แสนบาท
Nissan N7 625 Pro ราคา 139,900 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 6.39 แสนบาท
Nissan N7 510 Max ราคา 139,900 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 6.39 แสนบาท
Nissan N7 625 Max ราคา 149,900 หยวน คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 6.84 แสนบาท