Volkswagen ตัดหน้า Tesla เปิดตัวแท็กซี่ไร้คนขับ ผลิตจริง พร้อมลุยยุโรป-สหรัฐฯ ปี 2026
Volkswagen ตัดหน้า Tesla เปิดตัวแท็กซี่ไร้คนขับ ผลิตจริง พร้อมลุยยุโรป-สหรัฐฯ ปี 2026

Volkswagen ตัดหน้า Tesla เปิดตัวแท็กซี่ไร้คนขับ ผลิตจริง พร้อมลุยยุโรป-สหรัฐฯ ปี 2026

โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างโฟล์คสวาเกนและ Mobileye บริษัทในเครือของ Intel ที่เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ AI สำหรับรถยนต์ โดยโฟล์คสวาเกนมุ่งชิงส่วนแบ่งจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Waymo ของ Google, Tesla และ Zoox ของ Amazon ที่ต่างก็เร่งพัฒนาเทคโนโลยีไร้คนขับอย่างหนักในช่วงหลัง

แม้จะยังไม่มีโมเดลธุรกิจที่เห็นผลกำไรชัดเจน แต่คริสเตียน เซนเกอร์(Christian Senger) ซีอีโอของโฟล์คสวาเกน มองว่า “กำไรในธุรกิจ AI เริ่มต้นที่เลขสองหลัก ขณะที่ธุรกิจรถยนต์อยู่ที่เลขหลักเดียว นี่คือโอกาสใหญ่ที่โฟล์คสวาเกนต้องคว้าไว้”

ในขณะที่ Tesla กำลังจะเริ่มทดสอบ Robotaxi ที่ Austin สหรัฐอเมริกาในเดือนนี้ Volkswagen ก็เปิดเกมแรงด้วยการเผยโฉม ID. Buzz AD เวอร์ชันผลิตจริงที่พร้อมให้บริการรถไร้คนขับระดับ Level 4 ทั้งในยุโรปและสหรัฐฯ ภายใต้แบรนด์ MOIA ซึ่งเน้นการให้บริการแบบ Mobility-as-a-Service (MaaS)

แม้จะเปิดตัวช้ากว่า Tesla ไม่กี่วัน แต่นี่คือการแสดงให้เห็นถึงทิศทางจริงจังของ VW ที่จับกลุ่มลูกค้าองค์กร เมือง และผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะ มากกว่าการเปิดแอปเรียกรถทั่วไป

ID. Buzz AD ถูกพัฒนาใหม่จากพื้นฐานของรถตู้ไฟฟ้ารุ่นดัง โดยเวอร์ชัน Robotaxi มีฐานล้อที่ยาวขึ้น หลังคาสูงขึ้น และตกแต่งภายในให้รองรับผู้โดยสาร 4 ที่นั่ง พร้อมปุ่มควบคุม เช่น SOS, Start/Stop และระบบควบคุมต่าง ๆ ผ่านแอปสมาร์ทโฟน ตัวเบาะคนขับยังมีอยู่ แต่สามารถเลื่อนเก็บได้ บ่งชี้ว่ายังอาจมี “safety driver” ช่วงเริ่มต้น

ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 ซึ่งใช้เทคโนโลยีจาก Mobileye โดยรถคันนี้ติดตั้งเซนเซอร์มากถึง 27 ตัว (ประกอบด้วย กล้อง 13 ตัว, LiDAR 9 ตัว, เรดาร์ 5 ตัว) ครอบคลุมการตรวจจับรอบคัน 360 องศาแบบซ้อนระบบกันขัดข้อง เพิ่มความมั่นใจในการทำงานไร้คนขับ

MOIA วางแผนให้ ID. Buzz AD เป็นแพลตฟอร์มแบบเบ็ดเสร็จ สำหรับผู้ให้บริการขนส่งที่ต้องการระบบขับขี่อัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นเมือง หน่วยงานรัฐ หรือบริษัทเอกชน โดยให้บริการครบทั้งตัวรถ ระบบบริหารจัดการฝูงรถ ไปจนถึงระบบจองผ่านลูกค้า

VW Group CEO Oliver Blume ยืนยันแผนนี้จะเริ่มให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2026 หากผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญบนเส้นทางการเป็นผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลก

แม้คำถามยังมีอีกมาก ทั้งด้านความปลอดภัย การทดสอบจริง และการรับมือกับสถานการณ์บนถนน แต่ดูเหมือนว่า VW กำลังเร่งเครื่องแซงในสมรภูมิ Robotaxi ที่กำลังร้อนแรงขึ้นทุกขณะ

ที่มา Carscoops

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง