
Honda ยกเลิกแผนเปิดตัว SUV ไฟฟ้ารุ่นใหญ่ในสหรัฐฯ
Honda วางแผนเปิดตัวรถ EV ทั้งหมด 7 รุ่นภายในปี 2030 แต่ปัจจุบันยังไม่ได้รับการยืนยันแน่ชัดว่าแผนนี้จะดำเนินต่อไปในทิศทางใด ขณะเดียวกัน Honda ได้หันไปให้ความสำคัญกับการพัฒนารถ Hybrid มากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับตลาดสหรัฐฯ ซึ่งรถ Hybrid ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
ในช่วง 6–9 เดือนที่ผ่านมา หลายบริษัทรถยนต์เริ่มทบทวนแผนการพัฒนาและผลิตรถ EV ของตนเอง เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคไม่เป็นไปตามแผนคาดการณ์ การเติบโตของยอดขาย EV เริ่มชะลอตัว โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกันนโยบายสนับสนุน เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากรัฐบาลกลาง ก็กำลังจะสิ้นสุดลงโดยแนวทางจากรัฐบาลของ Trump
Lotus เคยตั้งเป้าที่จะเป็นแบรนด์รถ EV เต็มรูปแบบภายในปี 2028 แต่กลับประกาศยกเลิกเป้าหมายดังกล่าวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 พร้อมหันมาเน้นรถ Hybrid เช่นเดียวกับ Porsche ที่ยอมรับว่าไม่สามารถบรรลุเป้าหมายยอดขาย EV 80% ภายในปี 2030 ได้ และจะเพิ่มไลน์อัป Hybrid แทน
ขณะที่ Nissan ก็ได้ตัดแผนพัฒนา SUV ไฟฟ้ารุ่นเล็กตั้งแต่ต้นปี 2025 ที่ผ่านมา ในทำนองเดียวกับที่ Mini ยืนยันจะยังไม่เลิกผลิตรถเครื่องยนต์สันดาปเร็วๆ นี้ แม้แต่ Volvo ก็ได้ประกาศทบทวนแผน EV ของตนเองใหม่
ด้านผู้ผลิตรถยนต์ที่ยังมุ่งมั่นกับเครื่องยนต์สันดาปมาโดยตลอด เช่น BMW ที่ระบุว่าเครื่องยนต์ยังเป็น “รากฐานสำคัญ” ของแบรนด์ Lamborghini ที่หวังพึ่งเชื้อเพลิงสังเคราะห์และ Mercedes-Benz ที่เริ่มปรับแนวทางการผลิตเพื่อยืดอายุเครื่องยนต์ต่อไป ส่วน Audi ก็เพิ่งประกาศขยายสายพานการผลิตเครื่องยนต์เบนซินไปอีก 10 ปี
การเปลี่ยนแปลงในปี 2025 สะท้อนความไม่แน่นอนอย่างรุนแรงในอุตสาหกรรมยานยนต์ ผู้ผลิตรถตะวันตกเผชิญแรงกดดันจากการแข่งขันในตลาด EV ที่จีนเร่งรุกอย่างหนัก ด้วยราคาที่ถูกกว่าและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ทำให้หลายแบรนด์ต้องถอยกลับไปตั้งหลักเพื่อหาทางรอดใหม่
สิ่งที่เกิดขึ้นกับ Honda เป็นเพียงหนึ่งในหลายสัญญาณว่า “ยุคของรถ EV” อาจจะยังมาไม่ถึงอย่างที่หลายคนคาดไว้ และยุคของเครื่องยนต์ Hybrid อาจยังไม่จางหายไปได้โดยง่าย
ไม่ใช่แค่ Honda เท่านั้นที่ปรับแผนด้าน EV — Nissan ก็เพิ่งยกเลิกแผนการผลิตรถ EV 2 รุ่นในสหรัฐฯ, Ford ชะลอการพัฒนา EV ขนาดใหญ่ และ Toyota ก็เลื่อนการผลิต SUV ไฟฟ้าขนาดใหญ่จากปี 2026 ไปเป็นปี 2028 เช่นกัน
ที่มา Carscoops , Motor1 , Nikkei Asia