
รุ่นเรือธง! Ferrari เปิดตัว 849 Testarossa ไฮเปอร์คาร์ PHEV พลัง 1,035 แรงม้า
Ferrari พัฒนาเครื่องยนต์ V8 ใหม่หมด ทั้งฝาสูบ, ท่อไอเสีย, และเทอร์โบ โดยใช้เทอร์โบที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยใส่ใน Ferrari ผลลัพธ์คือ:
- เครื่องยนต์สันดาป V8 ทวินเทอร์โบ ให้กำลัง 819 แรงม้า (610 kW)
- มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว รวมกำลัง 217 แรงม้า (160 kW)
- กำลังรวมทั้งระบบ 1,035 แรงม้า
- แบตเตอรี่ขนาด 7.45 kWh
- วิ่งโหมดไฟฟ้าล้วนได้ 25 กม. (15.5 ไมล์) จำกัดความเร็วสูงสุดที่ 130 กม./ชม. (80 mph)
Ferrari ไม่ได้สร้างรถเพื่อที่มีการผสมผสานที่ดีที่สุดระหว่างอดีตและปัจจุบันรวมกัน “คัดลอกอดีต” โดยทีมดีไซน์ของ Flavio Manzoni ผสมผสานแรงบันดาลใจจากรถแข่งยุค 70s + อากาศยาน + กลิ่นอาย 80s โดย:
- ทรง Cab-forward ได้แรงบันดาลใจจาก Ferrari 512 S
- ไฟหน้าแนวนอนสไตล์ Ferrari ยุค 80s
- ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ฝังในประตู
- เส้นสายคมชัด คล้าย SF90 และ Daytona SP3 แต่เพิ่มกลิ่นอายเรโทร
- ล้อดีไซน์ใหม่หลายสไตล์ให้เลือก Assetto Fiorano Pack ถูกออกแบบให้เบาขึ้น พร้อมยาง Michelin Cup R2 พร้อม Liveries สุดพิเศษ
- ระบบแอโรใหม่ สร้างแรงกดอากาศ 415 กก. (915 ปอนด์) ที่ความเร็ว 250 กม./ชม.
- ลดน้ำหนัก 30 กก. (66 ปอนด์) ด้วยวัสดุ Titanium + Carbon Fiber
- เพิ่มดาวน์ฟอร์ซท้าย 3 เท่า ด้วยปีกคู่
ผลลัพธ์ที่ได้คือรถที่ไม่ได้ “เหมือน Testarossa เดิม” แต่เป็นการสานต่อจิตวิญญาณด้วยความทันสมัย เรียกได้ว่า เป็นรวมสมัยอีกหนึ่งรุ่น
ห้องโดยสาร
- คอนโซลกลางพร้อมเกียร์ดีไซน์ Mini Gated Manual ดูคลาสสิกแต่โมเดิร์น
- พวงมาลัยใช้ปุ่มฟิสิคัลแทนระบบสัมผัส (เอาใจสายขับจริงจัง)
- แผงกั้นกลางแยกฝั่งคนขับ/ผู้โดยสาร
- จอแสดงผลดิจิทัลทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสาร
- เบาะเลือกได้ทั้ง Comfort หรือ Racing
- เพิ่มความรู้สึก “F1 cockpit” แบบเต็มอารมณ์
Ferrari เปิดตัวสีพิเศษใหม่ 2 เฉด + วัสดุภายในใหม่:
- Rosso Fiammante (สีแดง)
- Giallo Ambra (สีเหลือง)
- ภายในใหม่ Alcantara Giallo Siena เข้าคู่กับโทนสีภายนอก
- ล้อดีไซน์ใหม่หลายสไตล์ให้เลือก
Ferrari ยังไม่เปิดเผยราคาอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะสูงกว่า 470,000 ดอลลาร์สหรัฐ (หรือราว 15 ล้านบาท)