
BYD ทางบ้านเริ่มน่าเป็นห่วง? เนื่องจากยอดขายในตลาดจีนเริ่มสะดุด
ยอดขายลดลงครั้งแรกในรอบเกือบ 5 ปี: ในไตรมาสที่ 3 ยอดขายของ BYD ในจีนลดลง 2.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020
เผชิญคู่แข่งที่แข็งแกร่ง: การลดลงนี้มีสาเหตุหลักมาจากการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นจากคู่แข่งรายใหม่ๆ เช่น Tesla (จากโรงงานที่เซี่ยงไฮ้), Xiaomi Auto และ Nio ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในตลาดจีน
ปรับลดเป้าหมาย: จากสถานการณ์ดังกล่าว BYD ได้ปรับลดเป้าหมายยอดขายในปี 2025 ลงจาก 5.5 ล้านคัน เหลือ 4.6 ล้านคัน
ตลาดต่างประเทศ (พุ่งทะยาน):
ยอดส่งออกเติบโตอย่างก้าวกระโดด: สวนทางกับตลาดในบ้าน ยอดส่งออกในเดือนกันยายนพุ่งสูงถึง 71,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 115%
ตลาดอังกฤษโตถล่มทลาย: สหราชอาณาจักรกลายเป็นตลาดต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของ BYD โดยในเดือนกันยายนมียอดขายพุ่งขึ้นกว่า 880% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ตลาดอื่น ๆ ยังไปได้ดี: ตลาดในเม็กซิโก บราซิล และไทย ยังคงมีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง
ภาพรวมทั่วโลก:
ยังคงครองตำแหน่งผู้นำ: แม้ตลาดจีนจะชะลอตัว แต่เมื่อรวมยอดขายทั่วโลกจนถึงไตรมาสที่ 3 BYD ยังคงมียอดขายรวมสูงถึง 1.6 ล้านคัน แซงหน้าคู่แข่งสำคัญอย่าง Tesla ที่ทำได้ 1.2 ล้านคันอยู่เกือบ 400,000 คัน
โดยสรุปคือ แม้ BYD จะเริ่มเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญในบ้านเกิดจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น แต่ในตลาดโลกยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโดยรวมไว้ได้ ซึ่งต้องจับตาดูว่า BYD จะมีกลยุทธ์อย่างไรต่อไปเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้