Audi Q3 2026  ปรับปรุงใหม่หมด เพิ่มรุ่นปลั๊กอินไฮบริด เพิ่มคันเกียร์ใหม่บนพวงมาลัย!
Audi Q3 2026 ปรับปรุงใหม่หมด เพิ่มรุ่นปลั๊กอินไฮบริด เพิ่มคันเกียร์ใหม่บนพวงมาลัย!

Audi Q3 2026  ปรับปรุงใหม่หมด เพิ่มรุ่นปลั๊กอินไฮบริด เพิ่มคันเกียร์ใหม่บนพวงมาลัย!

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้ก้านพวงมาลัยฝั่งซ้ายกลายเป็นพื้นที่รวมฟังก์ชันสารพัด ทั้งไฟเลี้ยว ไฟหน้า ที่ปัดน้ำฝน และระบบฉีดน้ำล้างกระจก จนบางคนมองว่าสิ่งนี้ “ซับซ้อนเกินไป” และอาจเพิ่มความเสี่ยงในการใช้งานผิดพลาด โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนรถใหม่ที่ยังไม่คุ้นมือ

Audi ยืนยันว่าดีไซน์ใหม่นี้ช่วยให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นและลดการเคลื่อนไหวของมือระหว่างขับ แต่ในทางปฏิบัติ ผู้ใช้จำนวนไม่น้อยกลับไม่เห็นด้วย เพราะแค่ปลายก้านเดียวก็มีฟังก์ชันถึง 5 อย่าง:
* ดันขึ้น/ลง = ไฟเลี้ยว
* ดันเข้า/ออก = ไฟสูง
* ดันเบา = ที่ปัดน้ำฝน
* วงล้อหมุนตรงก้าน = ปรับระดับความเร็วที่ปัด
* ปุ่มล่างสุด = ที่ปัดและฉีดน้ำกระจกหลัง

ด้านหน้าของรถโดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบเฟรมเดียวอันเป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานกับไฟหน้า LED พร้อมช่องรับอากาศขนาดใหญ่และไฟส่องสว่างตอนกลางวันแบบดิจิทัล ไฟท้าย OLED สองชั้น โลโก้เรืองแสง และแถบ LED เต็มความกว้างที่ด้านท้ายรถสร้างรูปลักษณ์ที่ทันสมัยและ สปอร์ต ยิ่งขึ้น ดีไซน์ล้อใหม่มีให้เลือกในขนาด 17 ถึง 20 นิ้ว

Q3 ปี 2026 นำเสนอระบบส่งกำลังสามแบบ ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน (1.5 ลิตร 148 แรงม้า หรือ 2.0 ลิตร 261 แรงม้า) เครื่องยนต์ดีเซล TDI (148 แรงม้า) และเวอร์ชันปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) รุ่น e-hybrid มีแบตเตอรี่ขนาด 25.7 kWh กำลัง 268 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร วิ่งได้ไกลถึง 119 กม. ด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน รองรับการชาร์จด่วนแบบ DC 50 kW แบตเตอรี่ชาร์จได้ถึง 80% ในเวลาประมาณ 30 นาที

ภายในรถได้รับการออกแบบใหม่หมดและทันสมัยขึ้น ปุ่มต่างๆ ส่วนใหญ่ถูกถอดออก และคันเกียร์แบบเดิมถูกแทนที่ด้วยคันเกียร์ที่อยู่ด้านหลังพวงมาลัย ห้องนักบินติดตั้งจอแสดงผลแบบดิจิทัลขนาด 11.9 นิ้วและหน้าจอสัมผัสส่วนกลางขนาด 12.8 นิ้ว ผสานรวมอินเทอร์เฟซ MMI ใหม่ที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android Automotive OS รองรับแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น YouTube, ผู้ช่วยเสมือน AI และอัปเดตซอฟต์แวร์แบบไร้สาย ระบบเสียง Sonos 12 ลำโพง จอแสดงผลบนกระจกหน้า การชาร์จไร้สาย 15W และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกมากมายติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานหรือเลือกได้ วัสดุภายในที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ผ้า Impressum รีไซเคิล พื้น Econyl จากอวนจับปลาเก่าก็ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายเช่นกัน เบาะหลังสามารถเลื่อนและปรับเอนได้ ทำให้ความจุของห้องเก็บสัมภาระเพิ่มขึ้นจาก 488 ลิตรเป็น 1,386 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลง นอกจากนี้ ระบบกันสะเทือนยังได้รับการปรับปรุงใหม่โดยเพิ่มตัวเลือกระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตพร้อมโช้คอัพแบบวาล์วคู่เพื่อความยืดหยุ่นและความนุ่มนวลยิ่งขึ้นเมื่อใช้งาน

ในขณะที่บางคนกังวลเรื่องความซับซ้อน Audi เองกลับไม่ได้เดินเดี่ยว เพราะ Mercedes-Benz ก็ใช้ระบบก้านเดียวแบบนี้มานานแล้ว รวมถึงแบรนด์อื่น ๆ อย่าง Ford และ GM ที่มีประวัติการใช้งานแนวคิดใกล้เคียงกัน

ยิ่งไปกว่านั้น ในโลกออนไลน์โดยเฉพาะ Reddit กลับมีเสียงสนับสนุนไม่น้อย หลายคอมเมนต์ชื่นชมว่าดีไซน์นี้ “ใช้งานจริงแล้วไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด” บางคนถึงขั้นบอกว่า “ดีกว่าดีไซน์ล่าสุดของ Volkswagen เสียอีก” โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากระบบเกียร์ก้านพวงมาลัยของ VW ที่ใช้อยู่แล้วในรถหลายรุ่น

ในมุมของ Audi นี่อาจเป็นการรีดีไซน์ภายในเพื่อสร้างความรู้สึกทันสมัยและเพิ่มพื้นที่ในคอนโซลกลาง แต่สุดท้ายแล้วคำตอบจะอยู่ที่ประสบการณ์ของผู้ใช้จริง ว่าจะ “เก๋ไก๋แบบฉลาด” หรือ “ซับซ้อนจนเกินงาม” คงต้องรอดูกันหลังรถออกสู่ตลาดช่วงปลายปีนี้

ที่มา Carscoops

 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง