
MAZDA เปิดตัว New Mazda CX-3 Essential 2025 มาพร้อม 3 ทางเลือก กับ 4 รุ่นใหม่ เปิดราคาเริ่มไว้ที่ 699,000 บาท
มาสด้าเดินหน้ากระตุ้นตลาดรถยนต์ในช่วงครึ่งหลังปี 2568 ด้วยการเปิดตัวแนะนำ New Mazda CX-3 Essential รถครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นปี 2025 มาพร้อม 3 ทางเลือก กับ 4 รุ่นใหม่ รุ่น PRIME, รุ่น ULTRA, รุ่น ULTRA PLUS และ รุ่น SIGNATURE
Mazda CX-3 ESSENTIA (MY2025) มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ใหม่ที่ว่า “ิThe First SUV that Feels Right เอสยูวีคันแรกที่ใช่” เพื่อต้องการให้ตัวรถมีสดใหม่ และตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยอัดแน่นด้วยอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยที่ติดตั้งมาให้ครบครันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น
เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ที่ให้ะกำลัง 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 204 นิวตันเมตร ผนวกกับเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด พร้อมระบบแมนนวลโหมด Activematic ช่วยเพิ่มความสนุกในการขับขี่แต่ยังคงประหยัดน้ำมันได้ดีเยี่ยมที่ 16.4 กม./ลิตร
นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ หรือ G-Vectoring Control (GVC) เทคโนโลยีเฉพาะของมาสด้า ที่ช่วยควบคุมสมรรถนะการขับขี่ให้แม่นยำ สมดุล เพิ่มความสบายและความปลอดภัยของห้องโดยสารทุกตำแหน่ง มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ให้ทั้งความสะดวกสบายในการใช้งานที่คุ้มค่าสำหรับรถครอสโอเวอร์เอสยูวีคันแรกอีกด้วย
New Mazda CX-3 Essential เป็นรถครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นเริ่มต้นที่จะมาสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างไม่รู้จบ โดยมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยที่ติดตั้งมาอย่างครบครันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น อาทิ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA รวมไปถึงกล้องมองหลัง พร้อมเส้นกะระยะขณะถอยหลัง (Back Monitor) เป็นต้น
Mazda CX-3 ESSENTIAL (MY2025) มาพร้อม 3 ทางเลือก กับ 4 รุ่นใหม่ ประกอบด้วย
– รุ่น PRIME ที่มากับชุดไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบฮาโลเจน, กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ, กระจังหน้าสีเงิน พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุตกแต่งเสาประตูด้านนอกสีดำ
ภายในห้องโดยสารมากับเบาะนั่งหุ้มผ้าสีดำ เย็บตะเข็บด้วยด้ายสีเทา ตัวเบาะนั่งคนขับปรับได้ 6 ทิศทาง แผงแดชบอร์ดมาพร้อมหน้าจอ Center Display แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay® และ Android AutoTM อีกทั้งยังได้รับชุดลำโพง 6 ตำแหน่ง
มอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยด้วยกล้องมองหลัง พร้อมเส้นกะระยะขณะถอยหลัง และถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS พร้อมปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน รวมทั้งยังมากับระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบ Auto Hold ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ GVC (G-Vectoring Control)
– รุ่น ULTRA อีกทางเลือกของความสะดวกสบาย ที่มอบความเพลิดเพลินให้กับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารไปตลอดการเดินทางด้วยระบบ Infotainment ครบครัน มอบความสะดวกด้วยระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry)
ตกแต่งภายในอย่างมีเอกลักษณ์ด้วยแผงคอนโซลหน้าหุ้มหนังสีเทาเข้ม และเบาะนั่งหุ้มหนังและผ้าสีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีเทา พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนังสีดำ ตกแต่งด้วยสีเงินซาติน เพิ่มความสบายให้ผู้โดยสารทุกที่นั่งด้วยพนักวางแขนด้านหลัง พร้อมที่วางแก้วน้ำ เพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่มากขึ้นกับระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด มอบความอุ่นใจไปตลอดการเดินทาง
– รุ่น ULTRA PLUS จะมอบความสบายด้วยฟังก์ชั่นที่ลงตัวกับทุกมิติของชีวิต มาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED พร้อมระบบไฟหน้าปรับระดับอัตโนมัติ ไฟท้ายแบบ LED Signature ซุ้มล้อสีดำเงา คิ้วตกแต่งกันชนหน้าและแผงกันกระแทกด้านข้างสีเงิน
ภายในห้องโดยสารมอบความสะดวกสบายระบบปรับอากาศอัตโนมัติ มาพร้อมเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัดผ่านระบบ Mazda Connect รองรับ Apple CarPlay® และ Android AutoTM แสดงผลผ่านหน้าจอสีแบบทัชสกรีน Center Display ขนาด 7 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander
ระบบความปลอดภัย และระบช่วยเหลือการขับขี่จะได้รับ ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและม่านนิรภัย, ระบบควบคุมความเร็วคงที่ Cruise Control, ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (DRL) แบบ LED Signature, ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM), ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA), ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced SCBS) เป็นต้น
– รุ่น SIGNATURE ที่พร้อมสุด ทุกฟังก์ชั่นและสไตล์ที่ใช่ ครบครันทุกฟังก์ชั่น และการดีไซน์สไตล์สปอร์ต เริ่มจากกระจังหน้า กระจกมองข้าง และหลังคาสีดำ มาพร้อมหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ระบบไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว
ภายในสปอร์ตพรีเมี่ยมด้วยแผงคอนโซลหน้าหุ้มด้วยหนังสีฟ้าเทา ตกแต่งด้วยด้ายสีคอปเปอร์ เบาะหนังสีดำและผ้า Grand Luxe Suede® กรอบช่องแอร์สีคอปเปอร์
ยังครบครันด้วยฟังก์ชั่นที่สะดวกสบายตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และระบบบันทึกตำแหน่งคนขับ 2 ตำแหน่ง พร้อมระบบปรับเบาะดันหลังไฟฟ้า, หน้าจอ Active Driving Display แสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี, อุปกรณ์ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless Charger) และระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 7 ตำแหน่ง รวมทั้งยังมากับระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sports Paddle Shift), ที่ปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลา และฟังก์ชั่นตรวจจับน้ำฝนอัตโนมัติ
พร้อมกับครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC แบบ Stop & Go ระบบปรับไฟหน้าสูงอัตโนมัติ (HBC) เป็นต้น
Mazda CX-3 ESSENTIAL (MY2025) จะมีสีภายนอก มีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ประกอบด้วย สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล Snowflake White Pearl, สีดำ เจ็ท แบล็ก Jet Black, สีเทา แมชชีน เกรย์ Machine Gray, สีแดง โซลเรด คริสตัล Soul Red Crystal, สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ Polymetal Gray, สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ Platinum Quartz และสีเทา แอโร เกรย์ Aero Gray
สำหรับรุ่น SIGNATURE มาพร้อมกับหลังคาดำ ซึ่งมีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ Platinum Quartz, สีแดง โซลเรด คริสตัล Soul Red Crystal, สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ Polymetal Gray และสีเทา แอโร เกรย์ Aero Gray
Mazda CX-3 ESSENTIAL (MY2025)
ราคาอย่างเป็นทางการ
- CX-3 2.0 PRIME 699,000 บาท
- CX-3 2.0 ULTRA 759,000 บาท
- CX-3 2.0 ULTRA PLUS 829,000 บาท
- CX-3 2.0 SIGNATURE 899,000 บาท
มาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty นาน 3 ปี หรือ 100,000 km. จาก Mazda ประเทศไทย