
⚡️ การเปิดตัวและการวางจำหน่าย:
เปิดตัวในงาน Japan Mobility Show 2025
เตรียมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการช่วง กลางปีหน้า
🎨 ดีไซน์และการพลิกโฉม:
พลิกโฉมจากรุ่นเดิมสิ้นเชิง ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Timeless Japanese Futurism"
ภายนอก: ได้แรงบันดาลใจจากต้นแบบ Nissan Hyper Tourer Concept ล้ำยุคด้วยกระจังหน้าและไฟ LED แบบพิกเซล, ประตูท้ายทรงเวจ์ (wedge shape) ที่ดูแข็งแกร่ง
ภายใน: ออกแบบใหม่หมด เน้นความหรูหราระดับพรีเมียม ใช้วัสดุหนังทูโทนคุณภาพสูง

🛋️ ห้องโดยสารและเทคโนโลยี:
เบาะแถวสอง: เป็นแบบ “Lounge Chair” พร้อมฟังก์ชันเอนปรับไฟฟ้าและที่วางเท้า สำหรับการเดินทางแบบผู้บริหาร
หน้าจอ: ติดตั้งหน้าจอคู่ขนาด 14.3 นิ้ว ที่แผงหน้าปัด
ระบบเสียง: ระบบเสียงพรีเมียมจาก Bose แบบ 22 ลำโพง พร้อมลำโพงในพนักพิงศีรษะ

🔌 ระบบขับเคลื่อนและสมรรถนะ:
จำหน่ายเฉพาะรุ่น e-POWER เจเนอเรชันที่ 3 (เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร ทำหน้าที่เป็นเครื่องปั่นไฟ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ)
เป็นรถคันแรกของโลกที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้า e-4ORCE รุ่นใหม่ ช่วยเพิ่มความเสถียรและความนุ่มนวลในการขับขี่

🛡️ เทคโนโลยีความปลอดภัย:
มาพร้อมระบบช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ProPILOT รุ่นล่าสุด
มีฟังก์ชัน ProPILOT 2.0 รองรับการขับขี่บนทางหลวงแบบแฮนด์ฟรี และฟังก์ชันเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ

Nissan Elgrand เจเนอเรชันที่ 4 เป็นการนำเสนอรถมินิแวนหรูเรือธง ที่ผสมผสานความล้ำยุคของดีไซน์ เทคโนโลยีภายในระดับเลานจ์ และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าไฮบริด e-POWER/e-4ORCE เพื่อมอบประสบการณ์เดินทางที่เหนือระดับอย่างแท้จริงครับ