
“อีซูซุ” เตรียมออกแคมเปญ-ช่วยลูกค้าซื้อรถง่ายขึ้น!
นายทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า ในปี 2567 ความต้องการรถยนต์โดยรวมของประเทศไทยลดลงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยมียอดจำหน่ายอยู่ที่ 575,065 คัน สาเหตุคือมาตรการสินเชื่อไฟแนนซ์ที่มีความเข้มงวด เพราะหนี้เสีย หรือ NPL เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเกิดจากปัญหาหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง อีกทั้งความต้องการในภาคการก่อสร้างลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากความเข้มงวดของสถาบันการเงินและความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ
สำหรับยอดขายของอีซูซุนั้น รถปิกอัพจำหน่ายได้ 61,580 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 38.3% รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ หรือ PPV อีซูซุมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 35.3% ด้วยยอดจำหน่าย 13,014 คัน ครองอันดับ 1 ร่วมกับโตโยต้า ในส่วนของรถบรรทุกขนาดกลางและใหญ่นั้น อีซูซุจำหน่ายได้ 10,988 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 60.6% ซึ่งสูงสุดเท่าที่เคยมีมา
“วัตถุประสงค์การดำเนินธุรกิจอีซูซุในประเทศไทย อีซูซุต้องการให้ลูกค้าซื้อรถอีซูซุไปใช้แล้ว ทำให้ธุรกิจลูกค้าเจริญเติบโต ดังนั้นสิ่งที่อีซูซุให้ความสำคัญคือ ทำอย่างไรให้ลูกค้ามีโอกาสซื้อรถคุณภาพสูงแล้วนำไปใช้ ทำให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจของลูกค้าได้ และจะส่งผลต่อพัฒนาการของสังคมไทยโดยรวมด้วย กล่าวคืออีซูซุนอกจากจะผลิตรถที่มีคุณภาพสูงแล้ว ยังต้องการมีส่วนร่วมในการสร้างประโยชน์และก่อให้เกิดความสุขในสังคมไทยโดยรวมด้วย”
นายทาคาชิกล่าวและว่า ตลอดระยะเวลา 68 ปี ที่อีซูซุดำเนินธุรกิจในประเทศไทย อีซูซุพยายามเต็มที่เพื่อมีส่วนร่วมในการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยอย่างต่อเนื่อง ตามวิสัยทัศน์ขององค์กรดังกล่าวข้างต้น
พร้อมกันนี้นายทาคาชิกล่าวอีกว่า บริษัทเตรียมออกแผนการตลาด เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าในการซื้อรถอีซูซุด้วย