
ปัญหารอบด้าน ลูกค้ารถยนต์ไฟฟ้า Neta ร้องสภาผู้บริโภค อะไหล่ขาด ศูนย์ปิด ได้ป้ายขาวช้า
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 68 ตัวแทนผู้เสียหายจากการใช้รถยนต์ไฟฟ้า เนต้า หรือ Neta ได้เข้ายื่นหนังสือต่อสภาผู้บริโภค เพื่อให้ช่วยเหลือกรณีซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเนต้า แต่ไม่ได้ป้ายขาว บางรายรถเสียแต่ไม่ได้รับการซ่อมแซมเนื่องจากไม่มีอะไหล่ ศูนย์ทยอยปิดและไม่รับเคลม
นายธนพันธุ์ คงเจริญ ผู้ประสานงานผู้เสียหายจากกรณีใช้รถไฟฟ้าเนต้า ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันผู้ใช้รถยนต์เนต้าในประเทศไทย มีประมาณ 25,000 คัน โดยปัญหาเริ่มต้นประมาณปี 2567 ที่บริษัทแม่ที่ประเทศจีนประสบปัญหาในเรื่องสภาพคล่อง
โดยปัญหาที่พบแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ คือ 1. ออกรถแล้วไม่สามารถจดทะเบียนป้ายขาวได้ 2. ปัญหาเรื่องการเคลมอะไหล่ชิ้นส่วนรถยนต์ และ 3. ปัญหาเรื่องการเคลมอะไหล่ระบบขับเคลื่อน
สำหรับปัญหาการเคลมอะไหล่ทั้งส่วนที่เป็นระบบขับเคลื่อนและชิ้นส่วนอื่น ๆ ของรถยนต์นั้น ไม่สามารถทำได้ หรือทำได้ล่าช้าเนื่องจากศูนย์ไม่มีชิ้นส่วนอะไหล่ ต้องรอของจากบริษัทแม่ ถึงแม่ในช่วงหลังจะมีของเข้ามาบ้าง แต่ก็เพียงพอกับจำนวนรถยนต์ที่มีปัญหา จึงมีผู้บริโภคจำนวนมากที่รถยนต์เสียหาย โดยเฉพาะปัญหาเรื่องระบบขับเคลื่อนจึงไม่สามารถใช้งานได้ และยังต้องจอดรอซ่อมอยู่ที่ศูนย์บริการโดยไม่ได้รับค่าขาดประโยชน์ หรือการชดเชยใด ๆ จากบริษัท
"ปัญหาที่ตามมาคือผู้บริโภคถูกปฏิเสธการซ่อมจากศูนย์ เนื่องจากโดยปกติแล้วผู้ซื้อรถจะสามารถนำรถเข้าไปใช้บริการในศูนย์ของเนต้าได้ทั่วประเทศ ไม่จำเป็นต้องนำเข้าศูนย์ที่ซื้อมาเท่านั้น แต่เมื่อศูนย์บริการหลายแห่งปิดตัวลงเนื่องจากความไม่แน่นอนของบริษัทแม่ ทำให้เกิดปัญหาว่าศูนย์ที่ยังไม่ปิดตัวมีรถเข้าไปขอเคลมเป็นจำนวนมาก จึงปฏิเสธไม่ให้ผู้บริโภคที่ซื้อจากศูนย์อื่นเคลม จึงมีผู้บริโภคจำนวนมากที่ต้องนำรถไปซ่อมในอู่ข้างนอก ซึ่งจะทำให้บริษัทใช้เป็นข้ออ้างได้ว่ารถที่ซ่อมจากอู่ข้างนอกนั้นหมดประกันกับบริษัทแล้ว"
ลูกค้า NETA เสนอ 7 ข้อเรียกร้องเร่งแก้ปัญหา
นายจักรชัย เงาศรี แกนนำผู้เสียหายจากกรณีใช้รถไฟฟ้าเนต้า กล่าวว่า ผู้เสียหายจำนวนมากยังไม่ได้รับการแก้ปัญหาจากบริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด จึงต้องการให้สภาผู้บริโภคเป็นตัวกลางจัดเวทีเจรจาระหว่างบริษัทฯ และผู้เสียหาย รวมทั้งเข้ามาช่วยผลักดันในการแก้ไขปัญหาให้รวดเร็ว หาแนวทางการช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้รถไฟฟ้าเนต้าอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีข้อเรียกร้องดังนี้
1. การแก้ไขปัญหาบริการหลังการขายและการหล่ออะไหล่แบบไม่มีกำหนด ทั้งชิ้นส่วนของรถยนต์ และระบบขับเคลื่อนอื่น ๆ ให้เสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน
2. แก้ปัญหาเรื่องการจดทะเบียนป้ายขาวให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมิถุนายน
3.ให้มีบริการเสริมตามสัญญา เช่น ที่ชาร์จแบบติดผนัง (Wall Chart) และคู่มื่อการใช้งานต่าง ๆ
4. กำหนดการเยียวยาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งเรื่องไม่ได้รับการบริการด้านอะไหล่และเรื่องการจดทะเบียน
5. ขอให้บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด หรือผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการปัญหาเรื่องศูนย์บริการที่ปิดตัวลงโดยเฉพาะต่างจังหวัด เพื่ออํานวยความสะดวกผู้ใช้บริการ
6. ขอให้บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด ทำสัญญารับประกันการเคลมภายใน 1 เดือน
7. หากบริษัทไม่ดำเนินการต่อในประเทศไทย ขอให้รับซื้อรถคืนจากผู้บริโภคทุกคนและชดเชยเยียวยาค่าเสียหายให้แก่ผู้บริโภคทุกกรณี
สภาผู้บริโภคเตรียมเรียกเนต้าชี้แจง
นายโสภณ หนูรัตน์ หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค สภาผู้บริโภค ระบุว่า สภาผู้บริโภคได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเนต้าตั้งแต่ช่วงต้นปี 68 จนถึงปัจจุบัน รวม 69 กรณี มีทั้งกรณีที่ไม่ได้ป้ายขาว ไม่ได้ซ่อมจากการบริการหลังการขาย โดยหลังจากนี้ สภาผู้บริโภคจะจัดประชุมเจรจาโดยเชิญบริษัท เนต้า (ไทยแลนด์) จำกัด รวมถึงผู้แทนจำหน่วย เข้ามาเจรจาภายในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ สภาผู้บริโภคจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือในเรื่องการจัดการบังคับใช้กฎหมาย และจะส่งหนังสือถึงสถานเอกอัคราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยด้วย ทั้งนี้ สถานทูตที่เกี่ยวข้องกับกรณีรถคันรถยี่ห้อนี้ด้วย ทั้งนี้ หากบริษัทไม่ให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา สภาผู้บริโภคจะใช้อํานาจตามกฎหมายในการฟ้องคดีแทนผู้บริโภคต่อไป
นาย จิณณะ แย้มอ่วม ทนายความ กล่าวผ่านสภาผู้บริโภคถึงบริษัทเนต้าว่า หากบริษัทมีความจริงใจต่อผู้บริโภค ขอให้เข้ามาชี้แจ้งกับสภาผู้บริโภคว่าจะเยียวยาผู้เสียหายอย่างไร ทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหากับดีลเลอร์และซัพพลายเออร์ และต้องมีแนวทางในการแก้ปัญหาให้กับผู้บริโภค
เพราะการที่จะประกอบธุรกิจในประเทศไทยได้ ไม่ใช่มองเฉพาะในเรื่องของผลประโยชน์ หรือการแสวงหากําไรเท่านั้น แต่ต้องมีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคด้วย ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสภาผู้บริโภคพยายามเรียกร้องกับหน่วยงานที่รับผิดชอบให้มีมาตรฐานของรถยนต์ไฟฟ้าที่ชัดเจน แต่ยังไม่มีความคืบหน้า
"ก่อนหน้านี้ในประเทศจีน มีบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมาก ปัจจุบันเหลือแค่ประมาณหลัก 10 บริษัท ส่วนที่เหลือกลายเป็นซาก เพราะการแข่งขันในทางธุรกิจที่ขาดการกํากับดูแลที่ดี จึงฝากถึงผู้มีอํานาจและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องว่า การสรรหาผู้ลงทุนให้ประเทศเกิดความเจริญมั่นคงต้องดูนโยบายความมั่นคงและยั่งยืนด้วย เพราะถ้าสุดท้ายประเทศไทยจะต้องเป็นประเทศที่ต้องรองรับขยะทางอิเล็กทรอนิกส์หรือสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ ถือว่าเป็นความบกพร่องร้ายแรงของหน่วยงานของรัฐ ที่ทำให้ประเทศเสียประโยชน์ขณะที่นักลงทุนได้เงินกลับประเทศไป"
ด้านนายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา รักษาการเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นทําให้สภาพอุตสาหกรรมของยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย โดยรวมขาดความเชื่อมั่นขาดความน่าเชื่อถือ เรื่องนี้จึงนับว่าเป็นปัญหาที่ส่งเสียต่อภาพลักษณ์โดยรวมของการส่งเสริมสนับสนุนยานยนต์ของพลังงานไฟฟ้าสะอาด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องเข้ามาร่วมรับผิดชอบด้วย
อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า อยู่ภายใตมาตรการการส่งเสริมของพลังงานสะอาดซึ่งประเทศไทยรัฐบาลไทยได้ทําข้อตกลงกับสหประชาชาติในการที่จะดําเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการลดปัญหาภาวะโลกร้อน ทั้งนี้การส่งเสริมดังกล่าวจะต้องมีการกํากับมาตรฐาน ทั้งผลิตภัณฑ์ความปลอดภัย และที่สําคัญที่สุดคือ การดูแลผู้บริโภค บริการหลังการขาย
ปัจจุบันประเทศไทยยังขาดกฎหมายที่สําคัญ คือกฎหมายที่ว่าด้วยเรื่องของความรับผิดในความชำรุดบกพร่องของสินค้า ซึ่งจะทําให้เกิดมาตรฐานในการกําหนดวันและเวลาในการเคลมสินค้าหรือดูแลรับผิดชอบสินค้า ทั้งการเปลี่ยน คืนหรือซ่อมสินค้า
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสภาผู้บริโภคได้จัดทําร่างกฎหมาย ความรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า หรือ เลมอน ลอว์ และทํางานร่วมกับทางกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภคของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อผลักดันกฎหมายดังกล่าวและคาดหวังว่ารัฐบาลจะตอบรับในข้อกฎหมายฉบับนี้ด้วย