
ส.อ.ท. ชี้ โครงการรถเก่าแลกใหม่ ขอรถอายุ 5-7 ปี ขึ้นไป
ทางด้าน นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เดือนพฤษภาคม 2568 มีรถยนต์ที่ผลิตได้ทั้งสิ้น 139,186 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2568 ถึง 33.51% และเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ 10.32% เป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรกในรอบ 21 เดือน เป็นผลมาจากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ BEV และ PHEV ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การผลิตรถยนต์นั่งเพื่อขายในประเทศเพิ่มขึ้น 63.88%
อย่างไรก็ตาม หากรวมตัวเลข 5 เดือน (มกราคม-พฤษภาคม 2568) ยังคงมียอดผลิตทั้งสิ้น 594,492 คัน ลดลง 7.82%
ส่วนการผลิตเพื่อส่งออกในเดือนพฤษภาคม 2568 ผลิตได้ 87,297 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ 1.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ก็ยังคงลดลง 10.2%
สำหรับยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนพฤษภาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 52,229 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2568 ที่ 10.67% และเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ 4.73% เป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ต่อจากเดือนเมษายน 2568 จากการขายรถยนต์ไฟฟ้า BEV PHEV เพราะราคาที่จับต้องได้มากขึ้น แต่ยอดขายรถกระบะยังคงลดลง 24.84% จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน
เพราะหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจในประเทศที่ยังอ่อนแอ จากการลงทุนภาคเอกชนที่ยังต่ำ รวมทั้งค่าครองชีพที่สูงขึ้น อีกทั้งการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลงจากนักท่องเที่ยวจีนที่กังวลเรื่องความปลอดภัย กังวลเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ที่จะไม่ได้ใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 นี้ จากปัญหาการเมืองที่ขัดแย้งกัน ซึ่งจะซ้ำเติมเศรษฐกิจของประเทศที่ทรุดอยู่แล้วทรุดลงมากขึ้นไปอีก
ดังนั้น ยอดขาย 5 เดือน (มกราคม-พฤษภาคม 2568) จึงอยู่ที่ 252,615 คัน ลดลงจากปี 2567 ในระยะเวลาเดียวกัน 2.98%
ในส่วนของยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV 5 เดือนอยู่ที่ 53,955 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 22.85% ประเภท HEV 60,793 คัน เพิ่มขึ้น 2.49% ประเภท PHEV 9,822 คัน เพิ่มขึ้น 142.34%
“5 เดือน ผลิต EV ได้สูงสุด เพราะค่ายรถเร่งผลิตชดเชยตามมาตรการที่ EV3.0 และ 3.5 ปีนี้คาดว่าจะเห็น EV ผลิตถึง 50,000 คัน รวมแล้วคงเห็นยอดผลิตรถทั้งหมดไปที่ 600,000 คัน
สำหรับโครงการรถเก่าแลกรถใหม่ เป็นข้อเสนอที่ทางกระทรวงการคลังจะเข้า ครม. ซึ่งน่าจะทำให้ยอดขายในประเทศดีขึ้น ปัจจุบันรถเก่าอายุ 20 ปี ในระบบมีประมาณ 2 ล้านคัน มีโอกาสเกิดขึ้นได้ อยู่ที่ว่าจะลดภาษีรุ่นไหนแลกอะไร ขณะเดียวกัน รัฐต้องคุยกับไฟแนนซ์ด้วย ว่าเพื่อให้เขาปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้น
ไม่อย่างนั้นโครงการไม่เดิน และควรมีกองทุน 5,000 ล้านบาท เหมือนตัวที่ทำกับรถกระบะมารองรับ เพื่อไม่ให้รถขาดทุนต้องไม่เกิน 50,000 บาทต่อคัน แบบนี้ไฟแนนซ์น่าจะปล่อย ซึ่งอาจจะช่วยกระตุ้นยอดขายรถทั้งระบบได้ 50,000-100,000 คัน ส่วนสถานการณ์หนี้เสียลด เพราะไฟแนนซ์ไม่ปล่อย แต่ก็อยากให้ขอให้รถที่มีอายุ 5-7 ปี ให้เข้าเงื่อนไขด้วย
ส่วนเรื่องการปิดชายแดนไม่กระทบมาก เพราะเราส่งออกสินค้าทางเรือมีรถทุกประเภท ตอนนี้ติดตามตะวันออกกลาง เพราะเป็นตลาดหลักของไทย สัดส่วนไป 19% แต่มีไม่กี่บริษัทใช้ช่องแคบฮอร์มุซ”