
ราชกิจจาฯ ประกาศ ETDA ไรเดอร์รับ-ส่งผู้โดยสารผ่านแอป ต้องมี "ใบขับขี่สาธารณะ" เริ่มบังคับใช้ในอีก 90 วัน
เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง การดำเนินการอื่นสำหรับผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลประเภทบริการรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์รับจ้างโดยสารสาธารณะที่มีลักษณะเฉพาะตามมาตรา 18 (3) แห่งพระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2568
ระบุว่า โดยที่เป็นการสมควรประกาศกำหนดให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลประเภทบริการรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์รับจ้างโดยสาธารณะ เป็นบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลทีมีลักษณะเฉพาะตามมาตรา 18 (3) แห่งพระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565
และกำหนดการดำเนินการอื่นสำหรับผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีการให้บริการรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์รับจ้างโดยสารสาธารณะ ซึ่งเป็นบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะอันเนื่องมาจากเป็นบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลซึ่งมีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ สุขภาพอนามัย สิ่งแวดล้อม การพลังงาน การสื่อสารและโทรคมนาคม การขนส่งและโลจิสติกส์ และการสาธารณูปโภค
ตามมาตรา 18 (3) แห่งพระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565 ตามข้อเสนอของหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบ และคณะกรรมการร่วมระหว่างหน่วยงานของรัฐ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 21 แห่งพระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565 ประกอบกับมติที่ประชุมคณะกรรมการร่วมระหว่างหน่วยงานของรัฐ ครั้งที่ 6/2567 เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 และมติที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2568
ในสาระของราชกิจจานุเบกษา
- ผู้ขับขี่: ผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนบุคคล (ป้ายดำ) หรือรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารผ่านแอปพลิเคชันทุกแพลตฟอร์ม จะต้องผ่านการทดสอบและมีใบขับขี่สาธารณะ
- คุณสมบัติ: ผู้ขอใบขับขี่สาธารณะต้องผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม และมีคุณสมบัติตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด เช่น อายุ และต้องไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาต
- ตัวรถ: ยานพาหนะที่ใช้ต้องนำมาจดทะเบียนเป็นรถรับจ้างผ่านแอปฯ ซึ่งจะมีข้อกำหนดด้านการตรวจสภาพรถที่เข้มงวดกว่ารถส่วนบุคคล
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ไม่ครอบคลุมถึงไรเดอร์ที่ให้บริการส่งอาหารหรือพัสดุเพียงอย่างเดียว ซึ่งยังคงสามารถใช้ใบขับขี่ส่วนบุคคลได้ตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ทางด้านกรมการขนส่งทางบกขอให้ผู้ขับขี่ที่เข้าข่ายดำเนินการยื่นขอใบขับขี่สาธารณะและจดทะเบียนรถให้เรียบร้อยภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษและสามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่องและไม่ขาดรายได้