ข่าวดี! ล่าสุด Lamborghini ที่มาพร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด ปรับราคาขายทุกรุ่นลดลง 15%
ข่าวดี! ล่าสุด Lamborghini ที่มาพร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด ปรับราคาขายทุกรุ่นลดลง 15%

ข่าวดี! ล่าสุด Lamborghini ที่มาพร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด ปรับราคาขายทุกรุ่นลดลง 15% 

ทางด้าน นายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย ลัมโบร์กินี อย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า การปรับโครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ตามขนาดและประเภทของเครื่องยนต์อัตราใหม่ในประเทศไทยที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2569 ส่งผลดีต่อราคาจำหน่าย ลัมโบร์กินี ทุกรุ่นจะมีราคาลดลงเฉลี่ยราว 15%

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์เกิน 3,000 ซีซี. มีอัตราภาษีอยู่ที่ 40% แต่ภาษีใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2569 นั้น สำหรับรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ 3,000 ซีซี. มีการแบ่งตามประเภทของเทคโนโลยี ได้แก่ เครื่องยนต์สันดาปภายใน มีอัตราภาษีอยู่ที่ 50%, เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) มีอัตราภาษีอยู่ที่ 30%

สำหรับในปี 2568 บริษัทคาดว่าจะมียอดขายรวมอยู่ที่ 28 คัน ซึ่งถือได้ว่าต่ำสุดนับตั้งแต่เริ่มต้นดำเนินธุรกิจ 8 ปีที่ผ่านมา จากปัจจัยด้านสถาการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทยชะลอตัวและบรรยากาศการซื้อไม่เอื้ออำนวย รวมถึงการจำนวนผลิตภัณฑ์ในปีนี้มีน้อย อีกทั้งการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ส่งผลให้ลูกค้าชะลอการรับมอบรถยนต์ออกไป

นอกจากนั้น จากการเก็บข้อมูลตลาดรถยนต์ซูเปอร์คาร์ในประเทศไทย ที่มีระดับราคาอยู่ที่ 12-20 ล้านบาท มีปริมาณเฉลี่ยอยู่ที่ 500 คัน/ปี และระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไปอยู่ที่ 200 คัน/ปี โดยถือว่าเป็นตลาดที่มีความเสถียรซึ่งความผันผวนของตลาดน้อยมาก

ส่วนในปี 2569 บริษัทคาดว่าจะมียอดขายเติบโตขึ้นเป็น 50 คัน จากปัจจัยการส่งมอบรถยนต์ที่ลูกค้าชะลอรับรถยนต์ของปี 2568 และการมีผลิตภัณฑ์ใหม่ลงสู่ตลาด รวมถึงแนวโน้มตลาดหุ้นที่อาจมีแนวโน้มดีขึ้นจากปีนี้ ขณะเดียวกันยังคงมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทยยังคงชะลอตัวไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 2568 จากเป้าหมายยอดขายในปี 2569 จะมาจาก 3 ผลิตภัณฑ์หลักได้แก่

- ลัมโบร์กินี Revuelto
- ลัมโบร์กินี Urus SE
- ลัมโบร์กินี Temerario

ขณะที่ คาดว่าจะมีการเปิดตัวรุ่นพิเศษ (Limited Edition) หรือการตกแต่งพิเศษเพื่อสร้างสีสันความสดใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์หลัก
อย่างไรก็ตาม ในปี 2569 บริษัทจะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจ Lamborghini Certified Pre-Owned (ลัมโบร์กินี มือสอง) เพื่อขยายตลาดให้ผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของรถยนต์ซูเปอร์คาร์ของลัมโบร์กินีเข้าถึงได้ในราคาที่สามารถครอบครองง่ายขึ้น จากเดิมมีวงเงินหมุนเวียนในการรับซื้อ–แลกเปลี่ยน จำนวน 100 ล้านบาท/ปี เพิ่มขึ้นเป็น 200 ล้านบาท/ปี ซึ่งการขยายตลาดมือสองจะช่วยเสริมระบบนิเวศของธุรกิจให้ครบวงจรและการรักษาระดับราคามือสอง

นายอภิชาติ กล่าวว่า รูปแบบการทำธุรกิจมือสองจะมีทั้ง การรับซื้อแลกเปลี่ยน และ การฝากขาย โดยส่วนใหญ่จะเป็นการรับซื้อแลกเปลี่ยนเป็นหลัก โดยจะมีการตรวจเช็กคุณภาพ 153 รายการ พร้อมทั้งมีการตรวจเช็กประวัติการเข้ารับบริการของตัวรถ อีกทั้งรายชื่อผู้ครอบครองเดิมและการเปลี่ยนมือ รวมถึงจะมีการเพิ่มระยะเวลาการรับประกันอย่างน้อย 1 ปี เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการได้รถคุณภาพที่สามารถไว้วางใจได้

อย่างไรก็ตามในปี 2569 บริษัทคาดว่าจะมียอดขายเติบโตขึ้นเป็น 50 คัน

“ปัจจุบันลัมโบร์กินีทำตลาดเฉพาะรถ PHEV ไม่มี ICE ทำให้เราได้รับผลดีจากโครงสร้างใหม่นี้ และราคาคาดว่าจะปรับลดลงเฉลี่ยประมาณ 15% ซึ่งลูกค้าที่ต้องการรับรถในโครงสร้างภาษีใหม่เรามีการชี้แจงและพร้อมส่งมอบให้ในปีหน้าแทน” 

ปีหน้าเป้าขาย 50 คัน ด้วยแรงหนุนภาษี + รถใหม่ ในปี 2569 บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ 50 คัน โดยจะมีรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ TEMERARIO ที่จะเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการดันยอดขาย ด้วยจุดขายด้านสมรรถนะและเทคโนโลยีล่าสุดของลัมโบร์กินี

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง