สรุปประกาศใหม่ "ภาษีรถโบราณ" ผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางรถคลาสสิค
สรุปประกาศใหม่ "ภาษีรถโบราณ" ผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางรถคลาสสิค

สรุปประกาศใหม่ "ภาษีรถโบราณ" ผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางรถคลาสสิค

กระทรวงการคลังได้ออกกฎกระทรวงฉบับใหม่ (ฉบับที่ 44) พ.ศ. 2568 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 โดยเป็นการเก็บภาษีสรรพสามิตสำหรับ "รถยนต์โบราณ" เป็นครั้งแรก เพื่อสร้างมาตรฐานและส่งเสริมวงการรถคลาสสิกในไทย สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

1. อัตราภาษีใหม่

  • อัตราพิเศษ 45%: สำหรับรถยนต์โบราณที่เข้าเงื่อนไขที่กำหนด

  • อัตราสูงสุด 50%: สำหรับรถยนต์ที่ไม่เข้าเงื่อนไข

2. เกณฑ์ของ "รถโบราณ" ที่จะเสียภาษี 45%

  • ประเภทรถ: รถยนต์นั่ง, สเตชันแวกอน, รถโดยสารไม่เกิน 10 ที่นั่ง และรถแข่ง (ไม่รวมกระบะและมอเตอร์ไซค์)

  • อายุ: 30 - 100 ปี (หากเกิน 100 ปี ถือเป็น "วัตถุโบราณ")

  • การนำเข้า: ต้องเป็นรถนำเข้าสำเร็จรูปทั้งคัน (CBU)

  • มูลค่า: ต้องมีราคาตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป

3. มาตรการส่งเสริมการบูรณะเพื่อส่งออก

  • หากนำเข้ารถโบราณมาเพื่อซ่อมแซมและส่งออกภายใน 2 ปี จะได้รับ การคืนเงินภาษีสรรพสามิตเต็มจำนวน เพื่อสนับสนุนฝีมือช่างไทยและผลักดันอุตสาหกรรมบูรณะรถยนต์

4. การทำงานร่วมกันของ 6 หน่วยงาน นโยบายนี้เกิดจากความร่วมมือของ 6 หน่วยงานภาครัฐเพื่อวางระบบให้ครบวงจร ได้แก่

  • กรมการค้าต่างประเทศ: อนุญาตให้นำเข้ารถโบราณได้ถูกต้อง

  • กรมศุลกากร: ลด/ยกเว้นอากรตามอายุรถ

  • กรมควบคุมมลพิษ: กำหนดมาตรฐานไอเสียและจำกัดวันใช้งาน

  • กรมการขนส่งทางบก: ออกนิยามและเตรียม ทะเบียนพิเศษ (พื้นดำ-อักษรขาว)

  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ: กำหนดให้วิ่งได้เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์, วันหยุด หรือในกิจกรรมที่ได้รับอนุญาต

  • กระทรวงการคลัง: กำกับดูแลภาพรวมภาษี

เป้าหมายหลัก การออกกฎหมายครั้งนี้ไม่ได้มุ่งเน้นแค่การเก็บภาษี แต่เป็นการวางรากฐานให้วงการรถโบราณของไทยมีความชัดเจนและเป็นระบบมากขึ้น เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็น ศูนย์กลางการอนุรักษ์และบูรณะรถคลาสสิกแห่งเอเชีย สร้างงาน สร้างรายได้ และส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง