สรรพสามิต เตรียมจัดเก็บภาษีรถโบราณนำเข้าในอัตรา 45%
สรรพสามิต เตรียมจัดเก็บภาษีรถโบราณนำเข้าในอัตรา 45%

สรรพสามิต เตรียมจัดเก็บภาษีรถโบราณนำเข้าในอัตรา 45%

เมื่อวันที่ 22 กันยายน นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ต.ค. 2567 – ส.ค. 2568) กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้รวม 4.89 แสนล้านบาท เติบโต 1.6% จากปีก่อน คาดทั้งปีจะสามารถเก็บภาษีได้ตามเป้าหมาย 5.35 แสนล้านบาท หรือสูงกว่าปีก่อน 2.17% โดยเป็นเป้าที่ปรับสอดคล้องกับสถานการณ์จากเอกสารงบประมาณที่กำหนดกว่า 609,000 ล้านบาท

แรงหนุนสำคัญมาจากการปรับโครงสร้างภาษีน้ำมันเบนซินและดีเซล เพิ่มขึ้น 1 บาทต่อลิตร โดยไม่กระทบราคาขายปลีก ช่วยดันรายได้เพิ่ม 2,800 ล้านบาทต่อเดือน ขณะที่การจัดเก็บภาษีสถานบริการเติบโตต่อเนื่อง หลังรัฐบาลขยายเวลาลดภาษีจาก 10% เหลือ 5% เพื่อกระตุ้นท่องเที่ยว ทำให้ 11 เดือนแรกของปีนี้เก็บได้ 199.73 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่ 138.77 ล้านบาท

น.ส.กุลยากล่าวว่า ยอมรับว่าการจัดเก็บภาษีรถยนต์โดยรวมลดลง จากมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อสินค้าขนาดใหญ่ ปัจจุบันมียอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าสะสม 2.33 แสนคัน กรมฯ จ่ายเงินชดเชยไปแล้ว 7.55 หมื่นคัน รวมวงเงิน 1.12 หมื่นล้านบาท ขณะที่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามียอดจดทะเบียนสะสม 7.16 หมื่นคัน

โดยล่าสุดได้มีการกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตเตรียมจัดเก็บภาษีรถยนต์โบราณนำเข้าในอัตรา 45% คาดช่วยเพิ่มรายได้ 1-2 พันล้านบาท พร้อมผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางจัดแสดงรถโบราณในภูมิภาค รถที่เข้าข่ายต้องมีอายุ 30 ปีขึ้นไป จดทะเบียนแบบพิเศษ และอนุญาตให้วิ่งเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เว้นแต่ได้รับอนุญาตพิเศษสำหรับงานแสดง ทั้งนี้ ภาษีดังกล่าวไม่รวมรถจักรยานยนต์โบราณ และจะไม่เกี่ยวข้องกับรถยนต์โบราณที่อยู่ในประเทศอยู่แล้ว ส่วนกรณีของรถโบราณที่มีการสวมทะเบียนนั้น เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามตามกฎหมาย

“การชะลอตัวของเศรษฐกิจยังส่งผลต่อการบริโภคสินค้าที่เกี่ยวข้องกับภาษี เช่น สุรา เบียร์ และเครื่องดื่ม ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณอุปสงค์ลดลงทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและผู้บริโภคในประเทศ แต่มั่นใจว่ามาตรการปรับโครงสร้างภาษีและมาตรการใหม่ ๆ จะช่วยให้รายได้ของกรมสรรพสามิตปี 2569 เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งกรมฯโดยอยู่ระหว่างศึกษาการจัดเก็บ ภาษีความเค็ม ภาษีแบตเตอรี่ และการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ ซึ่งจะรอให้อธิบดีคนใหม่เข้ามาขับเคลื่อนนโยบายต่อไป” นางสาวกุลยา กล่าว

นางสาวกุลยา กล่าวว่า ในช่วง 11 เดือนของปีงบประมาณ 2568 กรมสามารถจับกุมและดำเนินคดีกับการลักลอบขนส่งสินค้าหนีภาษีได้ทั้งหมด 33,766 คดี สูงกว่าปีก่อน 8.69% และสูงกว่าเป้าหมาย 37.33% พร้อมสามารถนำเงินส่งคลังเกือบ 500 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 27.74% และสูงกว่าเป้าหมาย 64.12%

ทั้งนี้ ภายใต้ยุทธศาสตร์ SMART Excise กรมสรรพสามิตดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสร้างกลไกราคาคาร์บอนในภาษีน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน เพื่อสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2065 โดยได้ออกกฎกระทรวงและประกาศกรมสรรพสามิตกำหนดราคาคาร์บอน 200 บาทต่อตันคาร์บอน เพื่อสร้างความตระหนักและกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคเชื้อเพลิงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

กรมสรรพสามิตยังส่งเสริม สุราชุมชน เพื่อสนับสนุน Soft Power ของประเทศ ปรับปรุงกฎหมายและระเบียบเพื่อลดอุปสรรคผู้ประกอบการรายใหม่ ส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจระดับฐานราก ส่งผลให้มีผู้ประกอบการในระบบ 1,824 ราย เพิ่มขึ้น 5% และจัดเก็บภาษีสุราชุมชนได้ 1,246 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%

นอกจากนี้ กรมได้ปรับขึ้นอัตราภาษีเครื่องดื่มตามความหวาน (ระยะที่ 4) มีผลตั้งแต่ 1 เมษายน 2568 เพื่อจูงใจภาคอุตสาหกรรมปรับสูตรการผลิต ส่งผลให้ปัจจุบันมีเครื่องดื่มที่ได้รับเครื่องหมาย Healthier Choice จำนวน 3,411 ผลิตภัณฑ์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง