
การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อ สนับสนุนยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) และ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งจะส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาลดลง และรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปขนาดใหญ่มีราคาจำหน่ายสูงขึ้น
| ประเภทรถยนต์ | การปล่อย CO2 (กรัม/กิโลเมตร) | เครื่องยนต์ไม่เกิน 3.0 ลิตร | เครื่องยนต์เกิน 3.0 ลิตร |
| ICE (สันดาปล้วน) | ไม่เกิน 100 | 13% | 50% |
| เกิน 100 แต่ไม่เกิน 120 | 22% | ||
| เกิน 120 แต่ไม่เกิน 150 | 25% | ||
| เกิน 150 แต่ไม่เกิน 200 | 29% | ||
| เกิน 200 | 34% | ||
| MHEV & HEV (ไมล์ไฮบริด & ไฮบริด) | ไม่เกิน 100 | 6% | 40% |
| เกิน 100 แต่ไม่เกิน 120 | 9% | ||
| เกิน 120 แต่ไม่เกิน 150 | 14% | ||
| เกิน 150 แต่ไม่เกิน 200 | 19% | ||
| เกิน 200 | 24% |
ข้อสังเกต: รถยนต์ ICE และ MHEV/HEV ที่มีเครื่องยนต์เกิน 3.0 ลิตร จะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 50% และ 40% ตามลำดับ
| ประเภทรถยนต์ | เกณฑ์ | อัตราภาษีสรรพสามิต |
| BEV (ไฟฟ้าล้วน) | ทั่วไป | 2% |
| PHEV (ปลั๊กอินไฮบริด) | วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน $\ge 80$ กม./ชาร์จ และถังน้ำมัน $\le 45$ ลิตร | 5% |
| วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน $< 80$ กม./ชาร์จ หรือถังน้ำมัน $> 45$ ลิตร | 10% | |
| หากใช้เครื่องยนต์เกิน 3.0 ลิตร | 30% |
หมายเหตุสำหรับ PHEV: ต้องมีระบบช่วยขับขี่ (ADAS) อย่างน้อย 2 ระบบ และใช้แบตเตอรี่ที่ผลิตในไทยตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป
สนับสนุน EV: ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฟฟ้า BEV เหลือเพียง 2% เพื่อลดราคาจำหน่าย
ควบคุมมลพิษ: ใช้การปล่อย CO2 เป็นเกณฑ์หลักในการคำนวณภาษีสำหรับรถยนต์ ICE และ MHEV/HEV
ส่งเสริม PHEV คุณภาพสูง: แยกเกณฑ์สำหรับ PHEV โดยให้สิทธิประโยชน์สำหรับรถที่วิ่งด้วยไฟฟ้าได้ไกลและมีถังน้ำมันขนาดเล็กกว่า
เพิ่มภาระรถยนต์เครื่องใหญ่: รถยนต์นั่งไม่เกิน 10 ที่นั่งที่มีความจุเครื่องยนต์เกิน 3.0 ลิตร จะถูกปรับเพิ่มอัตราภาษีอย่างมาก