เผยภาษีสรรพสามิตรถยนต์ 2569 ดันรถพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น!

การปรับโครงสร้างภาษีใหม่มีเป้าหมายหลักคือ สนับสนุนยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคารถในแต่ละกลุ่มดังนี้ครับ
| กลุ่มรถยนต์ | เกณฑ์การจัดเก็บภาษีใหม่ | อัตราภาษีสรรพสามิตใหม่ (เริ่ม 1 ม.ค. 2569) | ผลกระทบต่อราคา |
| รถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) ทั่วไป | - | 2% (ลดลงจาก 8%) | ราคาจะลดลงเล็กน้อย |
| รถกระบะไฟฟ้า | - | 2% (เพิ่มขึ้นจาก 0%) | ราคาอาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย |
| รถปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) | วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ | 5% | ราคาจะน่าดึงดูดใจมากขึ้น |
| วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ | 10% | - | |
| รถไฮบริด (HEV) / ไมลด์ไฮบริด (MHEV) | 6% (คงที่ 7 ปี ถึงปี 2575) | ได้รับความแน่นอนเรื่องราคาในระยะยาว | |
| 9% (คงที่ 7 ปี ถึงปี 2575) | - | ||
| รถเครื่องยนต์สันดาป ($\text{ICE}$) / รถหรู | เครื่องยนต์ขนาดความจุ $> 3.0$ ลิตร | ปรับเพิ่มจาก $\approx 40\%$ เป็น 50% | ราคาจะสูงขึ้นมาก ($\approx 2$-$3$ ล้านบาท) |
เงื่อนไข PHEV เพิ่มเติม: ต้องติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ (ADAS) อย่างน้อย 2 ระบบ และต้องใช้แบตเตอรี่ที่ผลิตในไทยตั้งแต่ปี 2569
คำแนะนำสำหรับผู้ซื้อรถหรู: ผู้ที่สนใจรถหรูที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ควรพิจารณาซื้อในช่วง ปลายปี 2568 ก่อนที่ราคาจะปรับขึ้นตามโครงสร้างภาษีใหม่
รถโบราณนำเข้า: เสียภาษี $45\%$ และจำกัดการใช้งานบนถนนสาธารณะเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น
กล่าวโดยสรุป: โครงสร้างภาษีใหม่นี้เป็นแรงผลักดันที่ชัดเจนให้ผู้บริโภคหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในขณะที่รถเครื่องยนต์ขนาดใหญ่จะมีราคาสูงขึ้นอย่างมากครับ
หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราภาษีสำหรับรถยนต์กลุ่มใดเป็นพิเศษ หรือต้องการให้เปรียบเทียบกับอัตราภาษีเดิม ผมยินดีค้นหาให้ครับ