"เครื่องยนต์โรตารี่" สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของ Mazda ที่อยู่เหนือกาลเวลา ตำนานที่ยังมีลมหายใจ
"เครื่องยนต์โรตารี่" สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของ Mazda ที่อยู่เหนือกาลเวลา ตำนานที่ยังมีลมหายใจ

Mazda (มาสด้า) ผู้ผลิตยานยนต์ระดับโลกที่ผ่านเรื่องราวต่างๆ มาแล้วมากมายกว่า 100 ปี ที่ยังคงโลดแล่นสร้างความรักความผูกพันให้กับผู้คนที่ชื่อชอบการขับขี่และรักในรถยนต์ 

สิ่งหนึ่งที่ยังคงกึกก้องอยู่ในหัวใจของผู้คนทั่วโลก คือ มาสด้า เป็นผู้ผลิตรถยนต์เพียงรายเดียวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะให้ผู้คนจดจำจวบจนทุกวันนี้ นั่นคือ เครื่องยนต์ลูกสูบสามเหลี่ยม หรือที่ใครๆ ต่างรู้จักกันในชื่อ เครื่องยนต์โรตารี่ อันมีเอกลักษณ์ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน สร้างชื่อเสียงกระหึ่มโลก นำความภาคภูมิใจมาสู่ชาวมาสด้าทั่วโลก โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่รถสปอร์ต 787B ได้คว้าชัยชนะจากการแข่งขันรถยนต์ที่ทรหดมากที่สุดของโลก รายการ เลอ มังส์ 24 ชม. ณ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี 1991 และเป็นรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นแบรนด์แรกที่ชนะการแข่งขันในรายการนี้ 

"เครื่องยนต์โรตารี่" สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของ Mazda ที่อยู่เหนือกาลเวลา ตำนานที่ยังมีลมหายใจ

ซึ่งทำให้เครื่องยนต์โรตารี่ กลายเป็นสัญลักษณ์ในด้านความคิดสร้างสรรค์ และเป็น DNA สายพันธุ์สปอร์ตที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบัน ในด้านความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งที่จะเอาชนะทุกอุปสรรค ซึ่งได้ส่งผ่านมาถึงวิธีการทำงานและรถยนต์มาสด้าทุกรุ่นจวบจนถึงปัจจุบัน 

"เครื่องยนต์โรตารี่" สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของ Mazda ที่อยู่เหนือกาลเวลา ตำนานที่ยังมีลมหายใจ

กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนารถสปอร์ต Mazda รุ่นอื่นๆ อันเลื่องชื่ออีกหลายรุ่นที่คนไทยรู้จักกันดี อาทิ RX-7, RX-8 และรวมถึงรถต้นแบบ Mazda RX-Vision อันโฉบเฉี่ยวสง่างาม ที่ใช้เครื่องยนต์โรตารี่ เจเนอเรชั่นใหม่ เป็นขุมพลังในการขับเคลื่อน

"เครื่องยนต์โรตารี่" สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของ Mazda ที่อยู่เหนือกาลเวลา ตำนานที่ยังมีลมหายใจ

ต้นกำเนิดของเครื่องยนต์โรตารี่ คงเรียกได้ว่าเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อปี 1919 เมื่อ Mr. Felix Wankel (มร. เฟลิกซ์ แวนเคิ้ล) มีความคิดริเริ่มที่จะสร้างเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบใหม่ที่ไม่ซ้ำแบบเครื่องยนต์ลูกสูบทั่วๆ ไป โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “เครื่องจักรเทอร์ไบน์” 

จนกระทั่งออกมาเป็นรูปร่างคล้ายเครื่องยนต์ 4 จังหวะ จุดระเบิดด้วยการหมุนรอบตัวเอง และได้ทำการทดลองมาอย่างต่อเนื่องจนสามารถออกแบบเป็น “ลูกสูบสามเหลี่ยม” ขึ้นมา 

"เครื่องยนต์โรตารี่" สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของ Mazda ที่อยู่เหนือกาลเวลา ตำนานที่ยังมีลมหายใจ

และเมื่อ มร. เฟลิกซ์ แวนเคิ้ล ได้เข้าทำงานในสถาบัน TES (Technical Institute of Engineering Study) จึงได้พัฒนาจนเสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้งานในรถเพื่อการพาณิชย์ โดยนำโปรเจคนี้ไปเสนอต่อบริษัท NSU Motorenwerke AG ซึ่งเป็นบริษัทผลิตมอเตอร์ไซค์ และได้พัฒนาเครื่องยนต์โรตารี่ควบคู่กันไป 

"เครื่องยนต์โรตารี่" สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของ Mazda ที่อยู่เหนือกาลเวลา ตำนานที่ยังมีลมหายใจ

ทำให้ “เครื่องยนต์โรตารี่” เครื่องแรกถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1957 โดยใช้ชื่อว่า DKM 54 ในรถมอเตอร์ไซค์ รุ่น 50 ซีซี. ทำความเร็วได้ถึง 192.5 กม./ชม. ที่สำคัญสามารถคว้าชัยชนะในรายการ “World Grand Prix Championship” ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาให้กับผู้คนทั่วโลกเป็นอย่างมาก

ถึงแม้ว่า Wankel Engine จะเอาชนะการแข่งขันในครั้งนั้นมาได้ แต่ก็ยังมีข้อเสียอยู่มาก อาทิ กินน้ำมัน ความร้อนสูง สึกหรอมาก และเสียหายเร็ว จึงทำให้เสื่อมความนิยมลงจนจะกลายเป็นตำนานไปแล้ว แต่ก็ได้ถูกชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 1961 

"เครื่องยนต์โรตารี่" สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของ Mazda ที่อยู่เหนือกาลเวลา ตำนานที่ยังมีลมหายใจ

โดยวิสัยทัศน์ของ Mr. Tsuneji Matsuda ประธาน บริษัท Toyo Kogyo (โตโย โคเกียว) ผู้ผลิตรถยนต์จากแดนอาทิตย์อุทัย ภายใต้ชื่อ “Mazda” ได้ทำการซื้อลิขสิทธิ์มาพัฒนาใหม่ 

"เครื่องยนต์โรตารี่" สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของ Mazda ที่อยู่เหนือกาลเวลา ตำนานที่ยังมีลมหายใจ

จนกระทั่งในเดือนเมษายน 1963 Mr. Keichi Yamamoto ก็ได้ทำการพัฒนาขึ้นมาสำเร็จ แต่ยังพบข้อบกพร่องบางอย่างเกี่ยวกับ Apex Seal และ Oil Seal ซึ่งเสียหายง่าย จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท Nippon Piston Ring & Oil Seal Co. เข้ามาช่วยแก้ปัญหาในส่วนนี้ได้สำเร็จ

"เครื่องยนต์โรตารี่" สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของ Mazda ที่อยู่เหนือกาลเวลา ตำนานที่ยังมีลมหายใจ

ต่อมาในปี 1967 มาสด้าก็ได้สร้างความฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวรถคันแรกที่ใช้เครื่องยนต์โรตารี่ ด้วย “รุ่น Cosmo Sport 110S” ซึ่งเป็นรถยนต์ Mazda รุ่นแรกที่ใช้เครื่องยนต์โรตารี่ หลังจากนั้นจึงได้เริ่มผลิตและจำหน่ายรถยนต์เครื่องยนต์โรตารี่ตามออกมาอีกหลายรุ่น อาทิ แฟมิเลีย โรตารี่ คูเป้ (R100 ในต่างประเทศ) ซาวันน่า (RX-3) RX-7 และรุ่น Eunos Cosmo 

"เครื่องยนต์โรตารี่" สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของ Mazda ที่อยู่เหนือกาลเวลา ตำนานที่ยังมีลมหายใจ

ทั้งนี้ เครื่องยนต์โรตารี่นั้นมีโครงสร้างที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และขับเคลื่อนด้วยการหมุนของโรเตอร์รูปสามเหลี่ยม ซึ่งมาสด้าถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกและรายเดียวที่ประสบความสำเร็จในการใช้เครื่องยนต์โรตารี่ในเชิงพาณิชย์จนถึงปัจจุบัน โดยเริ่มมาจากการใช้เครื่องยนต์โรตารี่ในรถยนต์รุ่น Cosmo Sport 110S และทำให้ต่อมารถยนต์มาสด้าหลายรุ่นก็ได้นำเอาเครื่องยนต์โรตารี่มาใช้

"เครื่องยนต์โรตารี่" สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของ Mazda ที่อยู่เหนือกาลเวลา ตำนานที่ยังมีลมหายใจ

หลังจากนั้น มาสด้าก็ยังคงไม่ละความพยายามในการพัฒนาสมรรถนะ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และความทนทานของเครื่องยนต์โรตารี่อย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดมาสด้าก็ประกาศศักดาให้คนทั่วโลกได้ประจักษ์ ด้วยการตัดสินใจนำรถแข่งของมาสด้าที่ใช้เครื่องยนต์โรตารี่ หรือ Mazda 787B ที่มาพร้อมเครื่องยนต์โรตารี่ 4 โรเตอร์ ลงแข่งขัน รายการ เลอ มังส์ 24 ชม. ในปี 1991 ที่ประเทศฝรั่งเศส 

"เครื่องยนต์โรตารี่" สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของ Mazda ที่อยู่เหนือกาลเวลา ตำนานที่ยังมีลมหายใจ

และนั่นคือการลบคำสบประมาทจากทุกสิ่งที่ค้างคาใจของผู้คนทั่วโลก เมื่อ Mazda 787B ทะยานเข้าเส้นชัยผ่านธงตาหมากรุก และนี่คือประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ มาสด้ากลายเป็นรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นแบรนด์แรกที่คว้าชัยชนะ ส่งผลให้เครื่องยนต์โรตารี่จากมาสด้า กลายเป็นสัญลักษณ์ในด้านความคิดสร้างสรรค์และความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งที่จะเอาชนะทุกอุปสรรคของมาสด้ามาจนถึงปัจจุบัน

"เครื่องยนต์โรตารี่" สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของ Mazda ที่อยู่เหนือกาลเวลา ตำนานที่ยังมีลมหายใจ

นับจากรถยนต์มาสด้าที่ใช้เครื่องโรตารี่ปรากฏโฉมออกสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาร่วม 50 ปี ของเครื่องยนต์นี้ที่ถูกผลิตและจำหน่ายไปทั่วโลกมากกว่า 2 ล้านคัน 

"เครื่องยนต์โรตารี่" สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของ Mazda ที่อยู่เหนือกาลเวลา ตำนานที่ยังมีลมหายใจ

ซึ่งในระหว่างนั้น ทาง มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น มีโอกาสผลิตรุ่นพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี จึงได้เปิดตัว Mazda RX-8 รุ่นพิเศษ ในตลาดญี่ปุ่น โดยรุ่นพิเศษนี้ได้รับการพัฒนามาจากรุ่น RX-8 Type S (เกียร์ธรรมดา 6 สปีด) และ Type E (เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด) ภายในสะท้อนถึงรถต้นแบบ คอสโม สปอร์ต พร้อมเบาะนั่งหนังแท้สั่งทำพิเศษ สีดำกับเทาอ่อนของ Alcantara 

"เครื่องยนต์โรตารี่" สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของ Mazda ที่อยู่เหนือกาลเวลา ตำนานที่ยังมีลมหายใจ

สีภายนอกของตัวรถเป็นสีพิเศษ คือ สีขาวหินอ่อน พร้อมป้ายสัญลักษณ์รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 40 ปี บริเวณด้านข้างตัวรถ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการจำหน่ายรถมาสด้าเครื่องยนต์โรตารี่อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ก็ยังมีอุปกรณ์พิเศษ เช่น โช้คอัพของ Bilstein และระบบกันสะเทือนด้านที่บรรจุโฟมยูรีเทน เพื่อให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ และสมรรถนะที่ดีขึ้น

"เครื่องยนต์โรตารี่" สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของ Mazda ที่อยู่เหนือกาลเวลา ตำนานที่ยังมีลมหายใจ

ถึงแม้ว่าเครื่องยนต์โรตารี่จะได้หยุดการผลิตไปในบางช่วงเวลาเนื่องจากความเข้มงวดในบางตลาด แต่มาสด้าก็ไม่เคยที่จะหยุดพัฒนาและวิจัย จนกระทั่งวันนี้ตำนานที่ถูกเล่าขานมาอย่างยาวนาน ได้ถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้ง นั่นคือ เครื่องยนต์โรตารี่ เจเนอเรชั่นใหม่ ที่มีชื่อเรียกว่า SKYACTIV-R หรือ เครื่องยนต์โรตารี่ที่แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของมาสด้าในการกล้าที่จะก้าวสู่ความท้าทายใหม่ๆ และกล้าที่จะต่างด้วยการใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด

"เครื่องยนต์โรตารี่" สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของ Mazda ที่อยู่เหนือกาลเวลา ตำนานที่ยังมีลมหายใจ

เช่นเดียวกับการพัฒนาเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ โดยได้พัฒนาขึ้นเป็นรถสปอร์ตต้นแบบ Mazda RX-Vision ที่ใช้เครื่องยนต์โรตารี่ เจเนอเรชั่นใหม่ สกายแอคทีฟ-อาร์ เป็นขุมพลังในการขับเคลื่อน ซึ่ง มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ได้เผยโฉมเป็นครั้งแรกในงาน โตเกียว มอเตอร์ โชว์ เพื่อสะท้อนถึงวิสัยทัศน์แห่งอนาคต ด้วยการเป็นรถสปอร์ตวางหน้า และขับเคลื่อนล้อหลังที่มาพร้อมรูปลักษณ์หรูหรางดงามตามแบบฉบับ โคโดะ ดีไซน์ อันเลื่องชื่อของมาสด้า

"เครื่องยนต์โรตารี่" สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของ Mazda ที่อยู่เหนือกาลเวลา ตำนานที่ยังมีลมหายใจ

นี่คือเรื่องราวความเป็นมาบางส่วนเกี่ยวกับเครื่องยนต์โรตารี่ อันเป็นต้นกำเนิดของรถสปอร์ตมาสด้าหลากหลายรุ่น และส่งผ่านมาจนถึงปัจจุบันกลายเป็น DNA ของมาสด้าที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค หรือ Challenger Spirit ที่มาสด้าตั้งใจพัฒนาเพื่อนำเสนอเทคโนโลยียานยนต์ที่มีเอกลักษณ์ให้กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าภาคภูมิใจ เพื่อสร้างสายสัมพันธ์อันแสนวิเศษ และเพื่อให้มาสด้ากลายเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่อยู่ในใจลูกค้าตลอดไป

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง