งานจบกระแสไม่จบ! ตลาดรถยนต์เข้าสู่การแข่งขันสุดเข้มข้น หลังถึงจุดยุคเปลี่ยนผ่าน EV
งานจบกระแสไม่จบ! ตลาดรถยนต์เข้าสู่การแข่งขันสุดเข้มข้น หลังถึงจุดยุคเปลี่ยนผ่าน EV

จบลงไปแล้ว ณ Challenger Hall 1 - 4 เมืองทองธานี ซึ่งมีการเปิดจองรถยนต์หลายแบรนด์จากทั่วโลก โดยยอดการจองรถยนต์ทั้งหมด 53,438 คัน แบ่งสัดส่วน ดังนี้ คือ รถสันดาปปกติ 35,921 คัน และรถไฟฟ้า100% 17,517 คัน ส่วนยอดการจองรถยยนต์อันดับที่ 1 ตกเป็นของแบรนด์ Toyota ในจำนวน 8,540 คัน และที่ทำเอาหลายคนฮืฮาอย่างมาก ก็คงหนีไม่พ้น รถยนต์ไฟฟ้าใหม่มาแรง จากแบรนด์ BYD ที่ได้ครองอันดับ 2 ด้วยจำนวน 5,345 คัน นอกจากนี้ อันดับ 3 คือ Honda 4,607 คัน และอันดับ4 คือ MG 3,518 คัน

สำหรับ BYDก่อตั้งขึ้นในประเทศจีนเมื่อปี 1995 โดยชื่อของ BYD ย่อมาจากคำว่า Build Your Dreams แรกเริ่มเป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับการผลิตแบตเตอรี่และผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือน หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ BYD เดินหมากก้าวสำคัญด้วยการรุกเข้ามาในธุรกิจยานยนต์ในชื่อ BYD Motor เมื่อปี 2003

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ BYD รายงานตัวเลขยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 มีจำนวน 641,000 คัน แซงหน้า Tesla ที่มียอดจำหน่าย 564,000 คัน ขึ้นแท่นเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอันดับหนึ่งของโลกได้ แท้จริงแล้ว หากยังจำกันได้ BYD เคยทำตลาดในประเทศไทยมาแล้วถึง 2 ครั้งใหญ่ โดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 2015 และอีกครั้งในปี 2018 ล่าสุดหลับมาอีคกรั้งและได้รับยอดขายถล่มทลาย จากงาน mortor show 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งเป้นการแซงอันดับ Honda ตามคาดการณ์ของหลายคนได้อย่างไม่น่าเชื่อทีเดียว

และหนึ่งในนั้นคือแบรนด์ MG ที่ขายธุรกิจต่อเนื่อง และเป็นที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเป็นรายแรกๆ ซึ่งปจจุบันได้เริ่มผลิดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจากมาตราการ EV3.0 ต่อเนื่อง EV3.5 โดยผู้บริหาร MG ได้เผยว่า สิ่งที่เป็นได้มากที่สุดของท้องถนนเมืองไทย คือรถยนที่มีเครื่องยนต์หลากหลายประเภท ผสมผสานกันไปตลอดช่วงการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญนี้

ซึ่งจะเห็นได้ว่าก่อนหน้านี้ รถยนต์ไฟฟ้า ถือเป็นรถยนต์ที่มีราคาสูงอย่างมาก แต่ปัจจุบัน ช่วงว่างระหว่างราคาของ รถยนต์สันดาป กับรถยยนต์ไฟฟ้าไม่ได้ต่างกันมาแล้ว ส่วนหนึ่งมาจากที่รถยนต์ไฟฟ้า สามารถผลิตที่ไทยได้ แต่อย่างไร ความต้องการในตลาด ก็ยังมีความหลากหลายอยู่เหมือนดิม อย่าง รถยนต์ไฟฟ้า ต้อนใช้ต้นทุนสูง ทำให้ไม่สามารถผลิตในราคาที่ถูกได้ จึงจำเป็นที่จะต้องผลิตเครื่องยนต์สันดาปต่อ ไป หรือแม้แต่ ปิ๊กอัพ กลุ่มคนที่ใช้ก็ยังมองเครื่องยนต์ดีเซล ก็จำเป็นต้องทำต่อ ซึ่งก็ขึ้นอู่กับปัจจัย และความต้องการของผู้ซื้ออยู่ด้วย

ซึ่งปัจจุบัน ไฟฟ้า100% ถือเป็นเทรนด์ที่ทำให้หลายคนหันมาสนใจมากขึ้นก็ว่าได้ แต่รถยนต์ยังคงเป็นความต้องการของตลาด แต่หากถามว่า รถยนต์ไฟฟ้า จะมาลบล้าง รถยนต์สันดาปภายในไปเลยหรือไม่นั้น สิ่งนี้ ทางผู้บริหารของ MG กล่าวว่า ยังไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะตลาดยังคงต้องการรถยนต์ที่ใช้นำมัน เนื่องจากหลายกลุ่ม อาจจะไม่คุ้นชินกับการใช้รถยนต์ไฟฟ้า และยังคงมองหา รถยนต์สันดาป เพราะฉะนั้น ตลาดรถยนต์ ในอนาคตที่คาดการณ์ไว้ คงไม่ได้เหลือเพียงแค่รถยน์ไฟฟ้า แต่จะเป็นตลาดที่มีความหลากหลายมากขึ้นนั่นเอง

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง