Mazda ฟื้นตำนานเครื่องยนต์โรตารีในญี่ปุ่นอีกครั้ง หลังจากเลิกผลิตไป 11 ปี พร้อมขายในญี่ปุ่น
Mazda ฟื้นตำนานเครื่องยนต์โรตารีในญี่ปุ่นอีกครั้ง หลังจากเลิกผลิตไป 11 ปี พร้อมขายในญี่ปุ่น

เครื่องยนต์โรตารี ของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ Mazda (มาสด้า) จะกลับมาผลิตขายในญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี โดยจะติดตั้งในรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด เพื่อผลิตไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า และจะเริ่มจำหน่ายในญี่ปุ่นปีหน้านี้

Mazda ฟื้นตำนานเครื่องยนต์โรตารีในญี่ปุ่นอีกครั้ง หลังจากเลิกผลิตไป 11 ปี พร้อมขายในญี่ปุ่น

นับตั้งแต่เครื่องยนต์ Rotary ที่เคยประจำการอยู่ใน Mazda RX-8 (มาสด้า RX-8) แม้ว่าจะมีข้อดีในเรื่องของเครื่องยนต์ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา แรงม้าสูง ให้รอบสูงได้ 

Mazda ฟื้นตำนานเครื่องยนต์โรตารีในญี่ปุ่นอีกครั้ง หลังจากเลิกผลิตไป 11 ปี พร้อมขายในญี่ปุ่น

แต่ก็มีปัญหาในเรื่องของการปล่อยมลพิษ เนื่องจากปัญหาจากไอเสียของรถยนต์ที่สูงมาก และกินน้ำมัน (เพราะความถี่ของการจุดระเบิด มากกว่าเครื่องยนต์รถปกติ) ทาง Mazda จึงได้ตัดสินใจประกาศยุติการผลิตไปในช่วงปี 2011 ก่อนจะเลิกขาย Mazda RX-8 ในปี 2012

Mazda ฟื้นตำนานเครื่องยนต์โรตารีในญี่ปุ่นอีกครั้ง หลังจากเลิกผลิตไป 11 ปี พร้อมขายในญี่ปุ่น

สำหรับเครื่องยนต์โรตารี ต่างจากเครื่องยนต์ธรรมดาที่ลูกสูบ ซึ่งมีคุณลักษณะพิเศษ คือ โรเตอร์สามเหลี่ยมที่หมุนได้รอบ แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ให้กำลังสูง และมาสด้า ยังเป็นบริษัทแรกในโลกที่ประสบความสำเร็จในการใช้งานจริง ซึ่งแม้แต่ Felix Wankel ชาวเยอรมนีผู้คิดค้นเครื่องยนต์โรตารี ก็ยังตะลึง!

Mazda ฟื้นตำนานเครื่องยนต์โรตารีในญี่ปุ่นอีกครั้ง หลังจากเลิกผลิตไป 11 ปี พร้อมขายในญี่ปุ่น

แต่การกลับมาในครั้งนี้ เครื่องยนต์โรตารีถูกนำมาผลิตพลังงานเพื่อช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้ดีที่ความเร็วรอบสูงระดับหนึ่ง และลดน้ำหนักของเครื่องยนต์ได้

ซึ่งทาง Mazda ตอนนี้ได้เปิดรับจองจากตลาดยุโรป และในญี่ปุ่นแล้ว โดยจะเริ่มรับจองล่วงหน้าได้ในวันที่ 14 ก.ย. นี้

Mazda ฟื้นตำนานเครื่องยนต์โรตารีในญี่ปุ่นอีกครั้ง หลังจากเลิกผลิตไป 11 ปี พร้อมขายในญี่ปุ่น

ซึ่งทาง Mazda เอง มีนโยบายในการผลิตรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตโดยรุ่นไฮบริดหรือพลังงานไฟฟ้าในปี 2030 และ Takeji Kojima CSO ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของ Mazda กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้า "การมีตัวเลือกที่หลากหลายเป็นสิ่งสำคัญ เราเชื่อว่าต้องใช้เทคโนโลยีและแบรนด์ที่เราสั่งสมมา"

แหล่งที่มาจาก
- NHK

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง